## เนื้อหาที่นี่คือ อะไรคือ BASE?

BASE หมายถึงแนวคิดภายในระบบนิเวศของสกุลเงินคริปโตและบล็อกเชน ซึ่งอาจครอบคลุมโปรเจกต์หรือแพลตฟอร์มต่างๆ ที่มีวัตถุประสงค์และพื้นฐานทางเทคโนโลยีที่แตกต่างกัน ข้อมูลที่ให้มาแนะนำถึงการตีความ BASE สองแบบที่แตกต่างกันในบริบทของเทคโนโลยีบล็อกเชน

ประการแรก การกล่าวถึง Basis ในฐานะโซลูชัน Layer-2 สำหรับ Ethereum ชี้ให้เห็นถึงความพยายามที่มุ่งเน้นไปที่การเพิ่มความสามารถในการขยายตัวและประสิทธิภาพของเครือข่าย Ethereum โซลูชัน Layer-2 มีความสำคัญสำหรับการปรับปรุงความเร็วในการทำธุรกรรมและลดค่าใช้จ่ายบนเครือข่ายบล็อกเชน โดยจัดการกับข้อจำกัดบางอย่างของบล็อกเชนชั้นฐาน (Layer-1) อย่างไรก็ตาม โปรเจกต์นี้ แม้จะถูกพัฒนาโดยหน่วยงานที่สำคัญในพื้นที่สกุลเงินคริปโต ก็ต้องเผชิญกับอุปสรรคทางกฎระเบียบที่นำไปสู่การยุติโครงการ ซึ่งเน้นย้ำถึงสภาพแวดล้อมทางกฎระเบียบที่ซับซ้อนรอบการนวัตกรรมบล็อกเชนและสกุลเงินคริปโต ที่โปรเจกต์มักต้องเดินทางผ่านกรอบกฎหมายที่ไม่แน่นอน

ประการที่สอง คำอธิบายของ SwapBased ในฐานะโปรโตคอลสภาพคล่องอัตโนมัติบนบล็อกเชน Base นำเสนอมุมมองอีกด้านหนึ่งของ BASE ซึ่งแนะนำแพลตฟอร์มหรือระบบนิเวศที่ชื่อ Base ซึ่งสนับสนุนการสร้างและการดำเนินการของสัญญาอัจฉริยะที่ไม่สามารถอัพเกรดได้ โปรโตคอลสภาพคล่

### เบสมีการรักษาความปลอดภัยอย่างไร?

BASE security รวมถึงหลายชั้นเพื่อให้แน่ใจว่าความปลอดภัยและความสมบูรณ์ของเครือข่ายและการทำธุรกรรมของมัน ในหัวใจของมาตรการความปลอดภัย BASE ใช้กระเป๋าสตางค์ฮาร์ดแวร์ โดยเฉพาะที่ได้รับการสนับสนุนจาก Ledger เพื่อให้มีชั้นของการป้องกันที่แข็งแกร่งสำหรับกุญแจส่วนตัว วิธีนี้ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางสำหรับความสามารถในการปกป้องทรัพย์สินโดยการเก็บกุญแจส่วนตัวออฟไลน์ ซึ่งลดความเสี่ยงของการเข้าถึงโดยไม่ได้รับอนุญาตผ่านทางออนไลน์อย่างมาก

นอกจากการสนับสนุนกระเป๋าสตางค์ฮาร์ดแวร์แล้ว BASE ยังเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับกรอบความปลอดภัยโดยการใช้การตรวจสอบหลายปัจจัย (MFA) และการตรวจสอบสองปัจจัย (2FA) มาตรการการตรวจสอบเหล่านี้เพิ่มชั้นของความปลอดภัยโดยการต้องการให้ผู้ใช้ให้ปัจจัยการยืนยันสองอย่างหรือมากกว่าเพื่อเข้าถึงบัญชีหรือทำธุรกรรม วิธีนี้ลดความเสี่ยงของการเข้าถึงโดยไม่ได้รับอนุญาต เนื่องจากการรู้รหัสผ่านเพียงอย่างเดียวไม่เพียงพอ ผู้โจมตีจะต้องเข้าถึงปัจจัยที่สองด้วย ซึ่งโดยปกติจะเป็นอุปกรณ์ทางกายภาพหรือข้อมูลที่ผู้ใช้ที่ถูกต้องเท่านั้นที่มี

นอกจากนี้ BASE ดำเนินการบนพื้นฐานของสัญญาอัจฉริยะที่ไม่สามารถอัปเกรดได้ภายในบล็อกเชน Base การเลือกใช้การออกแบบนี้มีความสำคัญต่อความปลอดภัย เนื่องจากมันรับประกันว่าสัญญาอัจฉริยะที่ไ

### BASE จะถูกใช้อย่างไร?

BASE ถูกวางตำแหน่งเป็นส่วนสำคัญภายในระบบนิเวศ Metadium โดยมีเป้าหมายที่จะขยายขอบเขตการเข้าถึงระดับโลกอย่างมากและทำให้ภูมิทัศน์ของบล็อกเชนง่ายขึ้นสำหรับผู้ที่เพิ่งเริ่มต้น โครงการนี้ถูกออกแบบมาเพื่อลดอุปสรรคในการเข้าถึง ทำให้บุคคลที่ไม่คุ้นเคยกับเทคโนโลยีบล็อกเชนสามารถเข้าถึงได้ง่ายขึ้น โดยการตอบสนองทั้งผู้ใช้ Web3 และ Web2, BASE พยายามเชื่อมโยงช่องว่างระหว่างสองโลกนี้ โดยนำเสนอวิธีการที่ราบรื่นและเป็นมิตรกับผู้ใช้ในการเข้าถึงประโยชน์ของ Web3 วิธีการนี้ไม่เพียงแต่เพิ่มประสบการณ์ผู้ใช้ แต่ยังส่งเสริมสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยสำหรับการสำรวจพื้นที่ Web3

นอกจากนี้ BASE ยังมีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมการเปลี่ยนผ่านเข้าสู่ภาคส่วนต่างๆ รวมถึงการศึกษาผ่านบัตรประจำตัวนักเรียนอัจฉริยะ, การขับขี่อัตโนมัติ, โลจิสติกส์ และอื่นๆ ความหลากหลายนี้แสดงถึงศักยภาพของ BASE ในการปฏิวัติอุตสาหกรรมหลายๆ อุตสาหกรรมโดยใช้เทคโนโลยีบล็อกเชน

นอกเหนือจากเป้าหมายในการขยายระบบนิเวศและการเข้าถึงผู้ใช้ BASE ยังถูกใช้เป็นฐานสำหรับแอปพลิเคชันโซเชียลมีเดียแบบกระจายอำนาจ การใช้งานนี้เน้นถึงความมุ่งมั่นของแพลตฟอร์มในการส่งเสริมอินเทอร์เน็ตที่กระจายอำนาจและเปิดกว้าง โดยการดำเนินการบนโปรโตคอลความเหลวอัตโนมัติผ

### มีเหตุการณ์สำคัญอะไรบ้างสำหรับ BASE?

BASE เป็นผู้เล่นสำคัญในภูมิทัศน์ของสกุลเงินดิจิทัล ซึ่งได้ประสบกับเหตุการณ์สำคัญหลายอย่างที่ได้รูปแบบการเดินทางของมัน ในตอนเริ่มต้นในปี 2009, BASE ได้กำหนดตัวเองเป็นองค์ประกอบพื้นฐานในโลกของสินทรัพย์ดิจิทัลอย่างรวดเร็ว การเปิดตัวนี้ได้ทำเครื่องหมายเริ่มต้นของยุคใหม่ในการเงิน โดยนำเสนอเทคโนโลยีบัญชีแยกประเภทแบบกระจายอำนาจที่จะไปมีอิทธิพลต่อโครงการและนวัตกรรมนับไม่ถ้วน

ในปี 2011, ระบบนิเวศรอบๆ BASE เริ่มพัฒนาอย่างรวดเร็ว โดยการปรากฏตัวของการแข่งขันบ่งบอกถึงตลาดที่มีสุขภาพดีและกำลังเติบโต การเข้ามาของคู่แข่งในพื้นที่นี้ยืนยันถึงศักยภาพของเทคโนโลยีบล็อกเชนและการตรวจสอบแนวคิดของสกุลเงินดิจิทัลแบบกระจายอำนาจ

เหตุการณ์สำคัญในไทม์ไลน์ของ BASE เกิดขึ้นในปี 2012 กับเหตุการณ์การลดลงครึ่งหนึ่ง ซึ่งเป็นการลดรางวัลสำหรับการขุดบล็อกใหม่ที่กำหนดไว้ล่วงหน้า เหตุการณ์นี้มีความสำคัญในโลกของสกุลเงินดิจิทัลเนื่องจากมีอิทธิพลโดยตรงต่ออุปทานของสินทรัพย์ดิจิทัล ซึ่งอาจส่งผลต่อมูลค่าของมัน

BASE ได้ยืนยันตำแหน่งของตนในตลาดโดยถูกจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ระหว่างปี 2012 ถึง 2014 รวมถึงการจดทะเบียนที่น่าสังเกตบน Coinbase การพัฒนานี้มีความสำคัญสำหรับการเพิ่มการเข้าถึงและความคล่องตัว ทำให



SwapBased is an automated liquidity protocol implemented in a system of non-upgradeable smart contracts on the Base blockchain.

BASE

Base

Brett (Based)

Aerodrome Finance

Toshi

Basenji

Crash On Base

Friend.tech

Make America Based Again

Common Wealth

FOMO BULL CLUB

Carlo

Keyboard Cat

Coinye West

Vabble

MawCAT

Based Shiba Inu

mfercoin

donotfomoew

Boomer

Skulls of Pepe Token

Metacade

Coq Inu

According to the one-pager, BONK is the first dog-themed coin on Solana "for the people, by the people" with 50% of the total supply of the cryptocurrency airdropped to the Solana community. BONK is similar to Shiba Inu (SHIB) and Dogecoin (DOGE) memecoins, it was launched on December 25, 2022, and led to an increase in the price of the SOL token (a rise of 34% in 48 hours). Trading began on December 30, 2022, arousing genuine interest from the crypto community.

The main goal of the team is to bring back liquidity to Solana-based decentralized exchanges (DEXs). The idea of the developers was to create a full-fledged community coin that will be used across all the dApps built on Solana, and each user will have the opportunity to become part of the ecosystem, "where everyone gets a fair shot".

BONK was airdropped randomly to Solana NFT collectors, developers, and artists, other airdrop details remain unknown. Currently, the project has a small digital footprint on the Internet, except for an active twitter account.

Bonk

Ondo

Founded in 2017 and launched via IEO on Binance in March 2019, Fetch.AI is an artificial intelligence (AI) lab building an open, permissionless, decentralized machine learning network with a crypto economy. Fetch.ai democratizes access to AI technology with a permissionless network upon which anyone can connect and access secure datasets by using autonomous AI to execute tasks that leverage its global network of data. The Fetch.AI model is rooted in  use cases like optimizing DeFi trading services, transportation networks (parking, micromobility), smart energy grids, travel — essentially any complex digital system that relies on large-scale datasets.

Artificial Superintelligence Alliance

Kaspa is a proof-of-work (PoW) cryptocurrency which implements the GHOSTDAG protocol. Unlike traditional blockchains, GHOSTDAG does not orphan blocks created in parallel, rather allows them to coexist and orders them in consensus. The Kaspa blockchain is actually a blockDAG. This generalization of Nakamoto consensus allows for secure operation while maintaining very high block rates (currently one block per second, aiming for 10/sec, dreaming of 100/sec) and minuscule confirmation times dominated by internet latency.

The Kaspa implementation includes a lot of cool features such as Reachability to query the DAG's topology, Block data pruning (with near-future plans for block header pruning), SPV proofs, and later subnetwork support which will make future implementation of layer 2 solutions much easier.

Kaspa

SingularityNET is a blockchain-powered platform that allows anybody to easily "create, share, and monetize" AI services, thanks to its globally-accessible AI marketplace.

Through the SingularityNET marketplace, users can browse, test and purchase a huge variety of AI services using the platform’s native utility token — AGIX. Moreover, the marketplace represents an outlet AI developers can use to publish and sell their AI tools, and easily track their performance.

With the benefits of LLMs and generative AI are increasingly exciting, their limitations are also becoming increasingly apparent. The convergence of structured knowledge with neural networks is emerging as the key to overcoming their shortcomings.

Uniquely positioned at the heart of this convergence, SingularityNET will prioritize the integration of Knowledge Graphs (KGs) and comprehensive Neural Symbolic tools for LLMs, with the goal of empowering developers to create the next generation of AI systems on the SingularityNET Platform.

SingularityNET is strategically positioned to become the Knowledge Layer of the Internet, leading the evolution of the emerging AI landscape while also laying the foundations for the Artificial General Intelligence (AGI) of tomorrow.

The team behind SingularityNET pioneered the development of an AI known as Sophia, which is described as the "world's most expressive robot". SingularityNET’s goal is to enable Sophia to be able to fully understand human language, and continue developing “OpenCog” — an AI framework that is hoped to eventually achieve a state known as “advanced general intelligence,” i.e. human-level artificial intelligence (or beyond).

The platform was first announced in 2017 and completed an initial coin offering (ICO) in December the same year, raising $36 million in just one minute.

SingularityNET

BOOK OF MEME

Sui is a groundbreaking layer-1 blockchain platform designed to support the needs of global adoption by offering a secure, powerful, and scalable development platform. At its core, Sui leverages a novel object-centric data model and the secure Move programming language to address inefficiencies prevalent in existing blockchain architectures.

On top of strong technical foundations, Sui prioritizes user experience by eliminating barriers commonly associated with blockchain interactions. Through innovations like zkLogin, sponsored transactions, and programmable transaction blocks, Sui creates a higher standard for user experience within Web3 by ensuring applications are accessible and user-friendly.

RenderToken (RNDR) is a distributed GPU rendering network built on top of the Ethereum blockchain, aiming to connect artists and studios in need of GPU compute power with mining partners willing to rent their GPU capabilities out. Conceived in 2009 by OTOY, inc. CEO Jules Urbach and launched in 2017, RNDR held its first public token sale in October of that same year, followed by a private sale period lasting from January 2018 – May 2018, wherein a total of 117,843,239 RNDR were sold at a price of 1 RNDR = $0.25 USD equivalent of token.
During the private sale period, early adopters were onboarded onto the RNDR Beta Testnet, where beta node operators and artists worked collaboratively with the RNDR team in building and testing the network, up until its public launch on April 27th 2020.

Render

Bittensor

dogwifhat

Floki (FLOKI) is the people's cryptocurrency and the utility token of the Floki Ecosystem. It is a cryptocurrency birthed by fans and members of the Shiba Inu (SHIB) community and is inspired by (and named after) Elon Musk’s Shiba Inu.

Musk is a prominent fan of Dogecoin, although he publicly denied owning any SHIB. Floki Inu is working on “four flagship utility projects:”

An NFT gaming metaverse called Valhalla

A suite of decentralized finance products launched under the "FlokiFi" umbrella.

An NFT and merchandise marketplace called FlokiPlaces

A content and education platform called University of Floki

The community calls itself the “Floki Vikings” in honor of Floki (Musk’s dog) that was named after a Viking character. Floki vows to take its community efforts seriously and has been listed several times in the Top 10 of LunarCrush’s social engagement leaderboards. Floki has also partnered with leading crypto projects that include Chainlink, Trader Joe, ApeSwap for its FlokiFi Locker digital asset locker protocol.

Floki is also sometimes referred to by some as "Floki Inu".

FLOKI

Arbitrum is an Ethereum layer-two (L2) scaling solution. It uses optimistic rollups to achieve its goal of improving speed, scalability and cost-efficiency on Ethereum. Arbitrum benefits from the security and compatibility of Ethereum. Another benefit is the higher throughput and lower fees compared to Ethereum. That is made possible thanks to moving most of the computation and storage load off-chain.

Arbitrum’s native token is called ARB and is used for governance. Offchain Labs, the developers behind Arbitrum, announced the shift to a decentralized autonomous organization (DAO) structure — the Arbitrum DAO. ARB holders can vote on proposals that affect the features, protocol upgrades, funds allocation and election of a Security Council.

Arbitrum has an ambitious roadmap for 2023, which includes: Launching its own layer-three solution called Orbit; Enabling developers to deploy programs written in popular programming languages like Rust, C++, and more using Stylus; Expanding its validator set to include more independent institutional validators; Moving its protocol to layer two with Arbitrum One.

On March 16, 2023,  Arbitrum announced their highly anticipated airdrop of ARB. The token will be airdropped to early users and DAOs building on Arbitrum, with 12.75% of the total supply to be distributed. Recipients were rewarded on a point-based system depending on their interaction with the Arbitrum network until a cutoff date of March 1, 2023. The token generation event is on March 23, 2023.

Arbitrum

PEPE is a deflationary memecoin launched on Ethereum. The cryptocurrency was created as a tribute to the Pepe the Frog internet meme, created by Matt Furie, which gained popularity in the early 2000s.

The project aims to capitalize on the popularity of meme coins, like Shiba Inu and Dogecoin, and strives to establish itself as one of the top meme-based cryptocurrencies. PEPE appeals to the cryptocurrency community by instituting a no-tax policy and being up-front about its lack of utility, keeping things pure and simple as a memecoin.

In late April to May 2023, the explosive surge of PEPE caused its market cap to reach a high of $1.6 billion at one point, minting millionaires out of early holders and attracting a strong community of like-minded followers. It has induced what some may dub a "memecoin season," causing other memecoins — some launched within hours — to go on spectacular pumps and just as astounding dumps. It remains to be seen if PEPE and other memecoins will go on to new highs, although that is certainly the hope of many believers waiting for the coming BTC halving cycle praying for a Bull Run.

The PEPE roadmap features three phases, where phase one includes listing on CoinMarketCap, and getting $PEPE trending on Twitter, while phase two includes listing on centralized exchanges (CEXs) and phase three includes “tier 1” exchange listings and what the team terms a “meme takeover.”

Pepe

Axelar claims to deliver “secure cross-chain communication for Web3.” The project provides a decentralized network and tools to help builders of decentralized applications (dApps) with seamless cross-chain communication through its protocol suite, tools and APIs.

Axelar features three core components – a decentralized network, a software development kit of protocols and APIs, and a set of gateway smart contracts for cross-chain connectivity.

Powered by a decentralized network of validators, anyone can join the network, build on it, or use it. Apps builders can interact with a simple API atop a permissionless network that routes messages and ensures network security via proof-of-stake (PoS) consensus mechanism.

AXL is the native token of the Axelar network. The protocol also supports the cross-chain transfer of several native tokens via their wrapped ERC-20 versions, including AVAX (Avalanche), ETH (Ethereum), FTM (Fantom), GLMR (Moonbeam), and MATIC (Polygon).

Meanwhile, Axelar has raised capital from top-tier investors, including Binance, Coinbase Ventures, Dragonfly Capital, Polychain Capital and others.

Axelar

The $BEAM token serves as the native crypto asset for the Beam network, a gaming network empowered by the Merit Circle DAO. Beam is an ecosystem where gamers and developers come together to shape the future of the gaming industry. One of its core components is the Beam SDK, which is a flexible software development kit that enables game developers to choose between a variety of tools that can be used to fuel and structure their in-game blockchain elements.

To interact with Beam, $BEAM is required. This is the native crypto asset used within the Beam network to pay for transactions. This not only includes transfers of assets but also involves all interactions with smart contracts on the Beam network, facilitating a seamless, immersive gaming experience.

Besides functioning as a gas token that fuels the Beam network, $BEAM is the heart of the governance of the Merit Circle DAO. This decentralized autonomous organization (DAO) was brought to live in early 2021 to revolutionize the gaming industry. The $BEAM token allows its holders to participate in governance of this DAO.

Beam

JasmyCoin (JASMY) is a cryptocurrency project of a Tokyo-based Internet of Things (IoT) provider Jasmy Corporation. As a system, the Internet of Things includes mechanical and digital elements endowed with an identifier and the ability to transmit data. The IoT company Jasmy specializes in buying/selling data, and the Jasmy platform connects two categories: service providers and data users.

The Jasmy platform was built to restore and protect the sovereignty of individual data by combining IoT technology with blockchain technology and giving users full control over their personal information. The main goal of the project is to establish a secure environment on the platform where users can exchange data in a trustless manner between IoT devices (computers, cars, phones) and decentralized protocols.

The mission of Jasmy developers is to create an environment by shaping an infrastructure where users can easily, safely and smoothly use data. As a result, Jasmy aims to provide its users with a powerful infrastructure, an intuitive interface and a secure environment for storing and sharing data. In the Jasmy space, information can be transformed into personal assets.

Jasmy decentralizes the workflow with edge computing and storing data on IPFS (InterPlanetary File System). The philosophy of the project is based on the democratization of data using a decentralized model, where data is securely protected and owned by an owner, and service providers get the opportunity to promote their services/business using data (owned by users).

JasmyCoin

Immutable positions itself as the first layer-two scaling solution for NFTs on Ethereum. According to Immutable, its blockchain does away with Ethereum’s limitations like low scalability, a poor user experience, illiquidity, and a slow developer experience. Instead, users benefit from instant trading and massive scalability while enjoying zero gas fees for minting and trading NFTs without compromising user or asset security.

Thanks to this technology, users will be able to create and distribute assets like ERC-20 and ERC-721 tokens on a massive scale. Chris Clay, the game Director of Gods Unchained, a project already building on Immutable, stated that Immutable allows Gods Unchained to implement a new meta-system that was previously impossible. In this fashion, Immutable aims to create a world-class experience for users and developers alike.