## นี่คือเนื้อหา อะไรคือ WhiteCoin?

WhiteCoin เป็นโครงการแบบกระจายอำนาจที่มีรากฐานอย่างลึกซึ้งในการมีส่วนร่วมของชุมชน โดยมุ่งเน้นที่การเพิ่มประสิทธิภาพและการทำงานร่วมกันของเครือข่ายบล็อกเชน โครงการนี้เริ่มต้นขึ้นในต้นปี 2014 และได้รับการพัฒนาโดยทีมงานที่หลากหลายจากหลายประเทศ รวมถึงเนเธอร์แลนด์, เยอรมนี, ฟินแลนด์ และออสเตรเลีย ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความน่าสนใจในระดับโลกและลักษณะการทำงานร่วมกัน

ในแก่นแท้ของมัน WhiteCoin ถูกออกแบบมาเพื่อส่งเสริมการโต้ตอบที่ราบรื่นระหว่างระบบบล็อกเชนต่างๆ โดยบรรลุเป้าหมายนี้ผ่านการใช้ cross-chain public chain ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มที่ซับซ้อนที่เสนอบริการต่างๆ เช่น การจัดการสินทรัพย์ข้ามเครือข่าย, สัญญาอัจฉริยะ, การแลกเปลี่ยนแบบกระจายอำนาจ และกลไกการกำกับดูแลโดยชุมชนที่แข็งแกร่ง คุณสมบัติเหล่านี้เป็นส่วนสำคัญของภารกิจของ WhiteCoin ในการส่งเสริมระบบนิเวศบล็อกเชนที่เชื่อมต่อกันมากขึ้นและมีประสิทธิภาพมากขึ้น

โครงการนี้ได้รับการอัปเกรดอย่างมากเพื่อรวมกลไก RPOS (Real Proof of Stake) เพื่อเพิ่มความสามารถในการจัดการและการโอนสินทรัพย์ข้ามเครือข่าย รวมถึงการส่งมูลค่าข้ามเครือข่าย ซึ่งทำให้ WhiteCoin เป็นผู้เล่นสำคัญในด้านโครงการข้ามเครือข่าย ด้วยความมุ่งหวังที่จะกำหนดมาตรฐานในการเอาชนะข้อจำกัดที่เครือข่ายบล็อกเชนแยกต่างหากกำลังเผชิญอยู่

ความมุ่งมั

### WhiteCoin มีความปลอดภัยอย่างไร?

WhiteCoin ใช้วิธีการหลายด้านในการรักษาความปลอดภัย โดยเน้นทั้งนวัตกรรมทางเทคโนโลยีและการมีส่วนร่วมของชุมชน ในแก่นแท้ของมัน WhiteCoin เป็นโครงการบล็อกเชนแบบกระจายอำนาจ ซึ่งโดยธรรมชาติแล้วมีระดับความปลอดภัยที่สูงกว่าระบบที่มีศูนย์กลาง เนื่องจากมีลักษณะการกระจายอำนาจ การกระจายอำนาจนี้หมายความว่าไม่มีเอนทิตีเดียวที่ควบคุมทั้งเครือข่าย ทำให้มันมีความต้านทานต่อการโจมตีและการฉ้อโกงได้มากขึ้น

หนึ่งในเทคโนโลยีหลักที่ WhiteCoin ใช้คือกลไก RPOS (Revolutionary Proof of Stake) อัลกอริทึมการตกลงใจร่วมกันนี้ไม่เพียงแต่ช่วยรักษาความปลอดภัยของเครือข่าย แต่ยังช่วยให้สามารถทำฟีเจอร์เช่นการจัดการและการโอนสินทรัพย์ข้ามเชน รวมถึงการแลกเปลี่ยนแบบกระจายอำนาจ การที่ผู้ใช้สามารถ stake เหรียญของตนได้ ทำให้ RPOS ช่วยเสริมความปลอดภัยของเครือข่าย เนื่องจากมันกระตุ้นให้ผู้เข้าร่วมกระทำในสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับเครือข่าย

นอกจากพื้นฐานทางเทคโนโลยีแล้ว WhiteCoin ยังให้ความสำคัญกับการกำกับดูแลโดยชุมชนอย่างมาก วิธีการนี้รับประกันว่าชุมชนมีส่วนร่วมอย่างแข็งขันในกระบวนการตัดสินใจ ดูแลการพัฒนาและตรวจสอบระบบเพื่อรักษาความซื่อสัตย์และความปลอดภัย ความมุ่งมั่นของโครงการต่อการกำกับดูแลโดยชุมชนหมายความว่ามีผู้มีส่วนได้ส่วนเสียหลายฝ่ายที่ตรวจสอบและประเมินระบบอย่างต

### WhiteCoin จะถูกใช้อย่างไร?

WhiteCoin ถูกออกแบบมาเพื่อทำหน้าที่เป็นเครื่องมือหลากหลายภายในระบบนิเวศของมัน โดยใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีบล็อกเชนเพื่อสนับสนุนการทำงานหลากหลายรูปแบบ โดยเน้นที่การเพิ่มการทำงานร่วมกันระหว่างบล็อกเชนต่างๆ ซึ่งเป็นส่วนสำคัญของพื้นที่สินทรัพย์ดิจิทัลที่กำลังพัฒนา การทำงานร่วมกันนี้ได้รับการบรรลุผ่านการจัดการสินทรัพย์ข้ามเชน ทำให้สามารถจัดการสินทรัพย์ได้อย่างราบรื่นข้ามแพลตฟอร์มบล็อกเชนต่างๆ คุณลักษณะนี้มีความสำคัญโดยเฉพาะสำหรับผู้ใช้ที่ต้องการกระจายการถือครองสินทรัพย์ดิจิทัลของตนโดยไม่ถูกจำกัดอยู่กับบล็อกเชนเดียว

นอกจากนี้ WhiteCoin ยังสนับสนุนการพัฒนาและการดำเนินการของสัญญาอัจฉริยะ ซึ่งเป็นสัญญาที่ดำเนินการโดยอัตโนมัติโดยมีเงื่อนไขของข้อตกลงถูกเขียนไว้โดยตรงในโค้ด ทำให้สามารถทำธุรกรรมได้โดยไม่ต้องพึ่งพาความไว้วางใจ ความสามารถนี้ขยายขอบเขตของสิ่งที่สามารถทำได้บนบล็อกเชน WhiteCoin ตั้งแต่การสร้างแอปพลิเคชันแบบกระจายอำนาจ (dApps) ไปจนถึงการทำให้กระบวนการที่ซับซ้อนเป็นอัตโนมัติ

แพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนแบบกระจายอำนาจ (DEXs) เป็นอีกหนึ่งส่วนสำคัญของระบบนิเวศ WhiteCoin แพลตฟอร์มเหล่านี้อนุญาตให้มีการซื้อขายสกุลเงินคริปโตระหว่างผู้ใช้กับผู้ใช้โดยไม่ต้องมีหน่วยงานกลาง ช่วยเพิ่มความปลอดภัยและค

### มีเหตุการณ์สำคัญใดบ้างสำหรับ WhiteCoin?

WhiteCoin ได้ประสบกับช่วงเวลาสำคัญหลายครั้งนับตั้งแต่เริ่มต้น สะท้อนถึงการพัฒนาของมันภายในภูมิทัศน์ของสกุลเงินดิจิทัล โดยเริ่มต้นเปิดตัวในต้นปี 2014 ได้ทำเครื่องหมายการเข้าสู่โลกของสกุลเงินดิจิทัล โดยมีเป้าหมายเพื่อเสนอโครงการแบบกระจายอำนาจที่ขับเคลื่อนโดยชุมชน การเปิดตัวนี้ได้วางรากฐานสำหรับการเดินทางของมันและเตรียมเวทีสำหรับการพัฒนาในอนาคต

หนึ่งในช่วงเวลาสำคัญในประวัติศาสตร์ของมันคือการตัดสินใจอัพเกรดเทคโนโลยีเพื่อรวมกลไก RPOS (Radiant Proof of Stake) การอัพเกรดนี้ไม่เพียงแต่เป็นการเพิ่มประสิทธิภาพทางเทคนิค แต่ยังเป็นการเคลื่อนไหวทางกลยุทธ์เพื่อปรับตัวเข้ากับความต้องการที่เปลี่ยนแปลงของระบบนิเวศสกุลเงินดิจิทัล กลไก RPOS ได้ส่งเสริมการทำงานหลายอย่าง เช่น การจัดการสินทรัพย์ข้ามเชน การโอนข้ามเชน และการแลกเปลี่ยน พร้อมทั้งเปิดใช้งานการโอนค่าใช้จ่ายข้ามเชน การเปลี่ยนแปลงนี้เน้นย้ำถึงความมุ่งมั่นของ WhiteCoin ในนวัตกรรมและเป้าหมายในการอยู่ในแนวหน้าของเทคโนโลยีบล็อกเชน

การก่อตั้งมูลนิธิ Whitecoin ได้เสริมสร้างตำแหน่งของมันภายในอุตสาหกรรม การเคลื่อนไหวนี้มีบทบาทสำคัญในการจัดโครงสร้างการกำกับดูแลโครงการและการมั่นใจว่ามีหน่วยงานที่ทุ่มเทอยู่เพื่อดูแลการพัฒนาและการมีส่วนร่วมของชุมชน บทบาทของมูลนิธิในการส่งเสริมการเข้าถึงและการขับ



Whitecoin is a community-based decentralization project with more than five years of history. The project was launched in early 2014. The main members of the original development team are from the Netherlands, Germany, Finland, Australia and other countries. 

The newly upgraded Whitecoin will adopt RPOS mechanism to realize the functions such as cross-chain asset management, cross-chain transfer, exchange, and cross-chain value transfer. The upgraded Whitecoin public chain provides three main functions: cross-chain assets management, smart contracts, decentralized exchanges, and the core feature: community governance mechanisms. 

The upgraded Whitecoin is a cross-chain project, which has reportedly realized the function of cross-chain asset management. The team claims that it is the largest cross-chain public chain in the world. It aims to provide a benchmark and demonstration for breaking the barriers among various public chains. 

For more details, please see (https://www.whitecoin.info).

WhiteCoin

ABBC is a blockchain platform that enables secure payment transactions, helping to facilitate retail adoption of cryptocurrencies and make shopping online with digital assets a safer, more enjoyable experience for end-users.

The platform offers three main products: a multi-platform wallet capable of supporting Bitcoin (BTC) and Ethereum (ETH), in addition to a variety of other native cryptocurrencies and ERC-20 tokens; an online shopping application that can be used to shop at over 50 online retailers with cryptocurrencies; and a cryptocurrency exchange platform that offers secure trading and low transaction fees.

The ABBC Coin was created to give holders the ability to govern the development of the ABBC platform by delegating voting power to chosen block producers (BPs) — who are then able to vote on governance proposals. These governance proposals can be on a range of topics but might include launching strategic partnerships, implementing new features or expanding ABBC's services to new regions. Beyond this, ABBC Coins were created as a reward system for online shoppers and can be staked for regular rewards.

ABBC is currently based on the EOSIO blockchain, which enables it to achieve up to 5,000 transactions per second (TPS) while remaining environmentally friendly due to its energy-efficient delegated proof-of-stake (DPoS) consensus mechanism.

ABBC Coin was initially known as Alibabacoin but changed its name in March 2019 following a dispute with Chinese multinational e-commerce giant Alibaba.

ABBC Coin

Function X is mirroring traditional financial products on the Function X network and creating decentralized financial products and a decentralized trading system. It is a highly customizable and expandable multi-chain architecture blockchain network (subnets) that can meet different business needs.

Function X

WaykiChain

MediBloc (MED) is a South Korean-based decentralized blockchain protocol for the healthcare industry through which medical institutions can securely transfer, collect, store and manage data. With MediBloc, physicians can access patient information, medical history, prescribed medication, insurance issues and more. MediBloc makes medical data more accessible by allowing everyone involved to track and record medical conditions, appointments, examinations, treatments and more.

The ecosystem is built on three key elements: MediBloc Core (a layer for storing data and providing additional storage), MediBloc Application (a layer for accessing and managing data through various applications), and MediBloc Service (a layer applying smart contract technology that connects the other layers and allowing input and output of data).

The platform offers three categories of accounts: for general users (patients), healthcare providers (doctors and medical institutions) and data scientists, the latter two require proof of their accreditation. The project is aimed at improving the quality of medical services and infrastructure by optimizing information storage processes and giving users sovereignty over their own data. MediBloc is compliant with the HIPAA Security Rule, the Health Insurance Portability and Accountability Act.

MediBloc

Bifrost is a multichain middleware platform that enables developers to create Decentralized Applications (DApps) on top of multiple protocols. Not restrained to a single blockchain, Bifrost creates a new environment where developers can combine the best protocols to develop substantially more scalable and flexible DApps.

With Bifrost, developers can write smart contracts for multiple blockchain protocols in an unified environment. They simply select the target blockchain for each part of the code, then Bifrost will transpile, compile, and deploy the code into the target blockchains at once. Developers can also easily operate their DApps and even switch the target blockchain as new and better protocols become available.

Bifrost has multiple components that allow for a seamless connection among all blockchains:

Recipe: A language application that defines the programming language of Bifrost and generates smart contract codes with guaranteed code-level flexibility.

Linker: A system that connects the user and Bifrost components, ensuring the seamless operation on top of multiple blockchains.

Builder: An Integrated Development Environment (IDE) that offers a customized environment to use the comprehensive suite of features of Bifrost.

Gourmet: An automated testing environment for Bifrost service and smart contract development, updating with the latest technologies for blockchain.

Scan: A dashboard that provides you with a full view of the internal process of Bifrost and shows your blockchain interconnectivity in diagram.

Bifrost

Ardor

Validity

BytomDAO

MiL.k

The Bitcoin Standard Hashrate Token (BTCST) was launched on Binance Smart Chain (BSC) on Dec. 13, 2020. It is collateralized by Bitcoin’s (BTC) hashrate, with each token representing 0.1 TH/s of Bitcoin mining power at an efficiency of 60 W/TH. As such, miners contribute their computational power to the platform in exchange for newly minted BTCST tokens.

BTCST’s goal is to bridge liquidity to Bitcoin’s mining market. This will allow users to get exposure to mining rewards and hashpower of any size, at a low cost. The ultimate goal of the app is to increase the liquidity and efficiency of mining power markets.

Bitcoin Standard Hashrate Token

Kleros (PNK) is a decentralized dispute resolution project that launched in July 2018. It is an open-source online dispute resolution protocol that uses blockchain and crowdsourcing to adjudicate disputes fairly.

Kleros offers a middleman service for decentralized applications (DApps) and their users. If the service provided by the application does not create a dispute, Kleros acts as a trustless third-party service for payment.

When a dispute does occur, however, each party can apply for arbitration through the Kleros arbitrators that are selected from the owners of PNK tokens. PNK is an Ethereum-based ERC-20 utility token with a fixed supply.

At this point, the jurors can make a decision that will favor either party. The arbitration fees are distributed to all arbitrators in the form of ETH; jurors who have issued a minority decision lose part of their PNK tokens for the benefit of the majority of jurors. This decision can be appealed, at a cost. The stated mission of Kleros is to offer easier access to justice and improve individual freedom.

Kleros charges a cost that is payable in ETH and is provided by the parties to the dispute or drawn from the funds previously locked in escrow.

Kleros

Hifi (formerly Mainframe) is a Lending Protocol that allows anyone to borrow against their crypto. Hifi uses a bond-like instrument, representing an on-chain obligation that settles on a specific future date. Buying and selling the tokenized debt enables fixed-rate, fixed term lending and borrowing — something much needed in decentralized finance today. It is anticipated that a ticker symbol change will occur alongside future iterations on the Hifi Lending Protocol.

Mainframe Token (MFT) is the native utility token that is used for:

Governance votes

Staking to ensure the safety of the protocol

Rewarding contributors to the ecosystem

What can you do with the Hifi Lending Protocol:

Borrow:  Lock collateral in a vault to mint fixed-rate, fixed-term debt tokens.  These debt tokens can be swapped for instant liquidity allowing users to leverage long, yield farm, or pursue other strategic trades without selling their collateral tokens.

Lend:  Buy fixed-rate, fixed-term debt tokens for a discount.  When the term expires they can be redeemed for face value, earning lenders a predictable return on their investment.

Provide Liquidity:  Earn trading fees by providing liquidity between debt tokens and stablecoins on an Automated Market Maker (AMM).

Mainframe

Steem is a community-focused blockchain that creates an instant earning opportunity for the network’s users. The protocol is designed to provide an earning opportunity for customers based on their value to the network. It is designed to provide users with a platform where they can post curated content online, and get paid in cryptocurrency.

The protocol is a publicly available, incentivized blockchain database that allows users to interact with each other and earn in return. It leverages technologies from both social media and cryptocurrency to provide users with value. The network ensures the fair treatment of contributors by running a reward structure that reflects each user’s contribution.

Steemit is the first app that was built on the Steem blockchain, and it launched on July 4, 2016. The protocol aims to provide value for its community of users in the following ways:

To provide thoughtfully chosen news and commentaries.

Creating an opportunity to earn.

As a source that offers answers to users’ inquiries.

Offering a stable cryptocurrency pegged to the USD.

Steem

The Neutrino index is a decentralized financial (DeFi) platform based on the Waves blockchain. The platform rebranded its index token from USDN to XTN. Neutrino has two native tokens, XTN and NSBT.

XTN is an algorithmic crypto-collateralized indexcoin backed by three Waves Ecosystem tokens: WAVES, WX and VIRES. XTN's main function is to encourage user participation in the Neutrino by rewarding those who provide liquidity to the system.

The platform’s other token, NSBT (Neutrino System Base Token), is used for governance purposes: it allows users to make decisions about the future development of the Neutrino protocol, and it ensures the stability of collateral reserves on Neutrino’s smart contract.

New NSBT tokens are issued whenever a user locks WAVES tokens on a contract, which serves as additional backing and insures the system against a deficit. Holders can stake to earn on WAVES to XTN swap fees.

Neutrino Index

Ignis

BitShares Blockchain is a decentralized “Blockchain as Organization” (BaO); an industrial-grade decentralized open source platform built to run high-performance financial technology operations. It represents the first decentralized autonomous decentralized community that enables its core utility token (BTS) holders to decide the Blockchain future direction in order to develop and maintain a wide range of decentralized financial technology products, features and functions. BitShares Blockchain is a Blockchain that permanently records financial technology operations between different Blockchain accounts and facilitates a wide range of access controls across BitShares Blockchain user financial means.

BitShares Blockchain is a technology that supports the digital generation entrepreneurs, investors, and developers with a common interest in building and participating in free market solutions by leveraging the power of globally decentralized consensus and decision making. Consensus technology has the power to do for economics what the internet did for information. It can harness the combined power of all humanity to coordinate the discovery and aggregation of real-time knowledge, previously unobtainable. This knowledge can be used to more effectively coordinate the allocation of resources toward their most productive and valuable use.

BitShares looks to extend the innovation of the Blockchain to all industries that rely upon the internet to provide their services. Whether its banking, stock exchanges, lotteries, voting, music, auctions or many others, a digital public ledger allows for the creation of distributed autonomous companies (or BaO) that provide better quality services at a fraction of the cost incurred by their more traditional, centralized counterparts. The advent of (BaO) ushers in a new paradigm in organizational structure in which companies can run without any human management and under the control of an incorruptible set of business rules. These rules are encoded in publicly auditable open source software distributed across the computers of the companies’ shareholders, who effortlessly secure the company from arbitrary control. BitShares does for business what bitcoin did for money by utilizing distributed consensus technology to create companies that are inherently global, transparent, trustworthy, efficient and most importantly profitable.

BitShares has went through many changes and has done its best to stay on top of Blockchain technology. BitShares is using Consensus as the mechanism by which organized people decide upon unitary rational action. While not considered technology in the traditional since, consensus “technology” is the basis of democratic governance and the coordination of free market activity first coined by Adam Smith as the “Invisible Hand.” The process of consensus decision-making allows for all participants to consent upon a resolution of action even if not the favored course of action for each individual participant. Bitcoin was the first system to integrate a fully decentralized consensus method with the modern technology of the internet and peer-to-peer networks in order to more efficiently facilitate the transfer of value through electronic communication. The proof-of-work structure that secures and maintains the Bitcoin network is one manner of organizing individuals who do not necessarily trust one another to act in the best interest of all participants of the network. The BitShares ecosystem employs Delegated Proof of Stake in order to find efficient solutions to distributed consensus decision making.

BitShares

Ontology Gas

Tachyon Protocol

Orbs is a publicblockchain infrastructure that combines scalability, low fees, performance, security, and ease of use.

The platform is designed for mass-use applications and supports a complete blockchain stack. The Orbs platform is a decentralized, open and transparent network that offers practical blockchain solutions for enterprises and other large-scale consumer applications.

The Orbs protocol uses the ORBS token, which calculates commissions for executed applications and provides an incentive system that is used to select validators, thereby ensuring the integrity of the network. The ORBS token serves as the only means of payment on the Orbs platform.

Orbs was established in 2017 and was developed by experienced engineers, businessmen and scientists who have managed to create an infrastructure that uses blockchain virtualization and randomized proof-of-stake (RPoS) to ensure blockchainscalability.

Orbs

Bora is a decentralized ecosystem for games and entertainment. Bora aims to attract games and applications from the GameFi sector to its Bora Chain to avoid building on blockchains like Ethereum that have high gas fees. For that reason, Bora follows a two-tiered blockchain system: the BORA token is traded on the Klaytn blockchain, a public blockchain that is focused on metaverse and gaming use cases. The Bora chain is a modular blockchain that can be used as an execution layer by decentralized applications.

The Bora team provides development toolkits that support developers with creating decentralized applications for its ecosystem. It also utilizes Bora Points, a currency within the ecosystem as a resource for development and to incentivize contribution to Bora. Bora Points can subsequently be converted to the BORA token.