## คืออะไร FACT0RN?

FACT0RN เป็นแพลตฟอร์มบล็อกเชนที่แตกต่างจากเทคโนโลยีบล็อกเชนแบบดั้งเดิม โดยใช้การแยกตัวประกอบเป็นหลักในกลไก Proof of Work (PoW) แทนวิธีการแฮชแบบเดิม วิธีการนวัตกรรมนี้ถือเป็นการออกแบบที่มีความสำคัญและเป็นการพัฒนาที่น่าสนใจในชุมชนบล็อกเชน FACT0RN เริ่มต้นมาจากการเป็นสาขาหนึ่งของ Bitcoin V22.0 และมุ่งหวังที่จะนำเสนอข้อเสนอที่ไม่เหมือนใครโดยอนุญาตให้ผู้เข้าร่วมใช้เหรียญ FACT เพื่อเสนอตัวเลขสำหรับการแยกตัวประกอบใน 'deadpool' ที่กำหนด

กลไก PoW ของบล็อกเชนนี้น่าสนใจเป็นพิเศษเพราะมันเกี่ยวข้องกับการแยกตัวประกอบของตัวเลขที่ยอดเยี่ยมในฐาน 2 ซึ่งเป็นความท้าทายที่ต้องการความพยายามทางการคำนวณอย่างมาก นักขุดมีส่วนร่วมในกระบวนการที่พวกเขากรองผ่านช่วงเวลาสุ่มที่ได้รับจากโหนดของเครือข่ายเพื่อค้นหาตัวเลขเหล่านี้ งานนี้ไม่เพียงแต่ต้องการการคำนวณที่หนักหน่วงเท่านั้น แต่ยังต้องการการแยกตัวประกอบของตัวเลขหลายหมื่นตัวเฉลี่ยก่อนที่นักขุดจะค้นพบตัวเลขที่ยอดเยี่ยมในฐาน 2 ได้สำเร็จ

การนำเสนอคุณสมบัติ 'deadpool' ของ FACT0RN เพิ่มชั้นการโต้ตอบให้กับกระบวนการขุด ผ่านคุณสมบัตินี้ ผู้ใช้สามารถส่งตัวเลขเพื่อการแยกตัวประกอบโดยการจ่ายค่าธรรมเนียมในเหรียญ FACT สิ่งนี้สร้างความพยายามร่วมกันที่สามารถทำการสนับสนุนเพิ่มเติมได้กับตัวเลขที่ถูกวางไว้ใน deadpool ส่งเสริมสภาพแวดล

### วิธีการรักษาความปลอดภัยของ FACT0RN คืออย่างไร?

FACT0RN Blockchain เสริมความปลอดภัยผ่านการใช้วิธีการหลายด้าน โดยผสมผสานระหว่างมาตรการดั้งเดิมและนวัตกรรมเพื่อปกป้องเครือข่ายและทรัพย์สินของผู้ใช้ ในแก่นแท้ของมัน FACT0RN ใช้กลไก Proof of Work (PoW) ที่แตกต่างจากวิธีการ Hashing แบบดั้งเดิม โดยเลือกใช้การแยกตัวประกอบของจำนวนที่ยอดเยี่ยมในฐาน 2 แทน วิธีการนี้ไม่เพียงแต่ช่วยให้ blockchain ปลอดภัยจากการโจมตี แต่ยังดึงดูดชุมชนวิทยาการคอมพิวเตอร์และวงการวิชาการด้วยปัญหาที่ได้รับความสนใจอย่างกว้างขวาง

เพื่อเพิ่มความปลอดภัย FACT0RN ได้นำเสนอฟังก์ชันการตรวจสอบสองปัจจัย ทำให้การเข้าถึงบัญชีต้องการข้อมูลมากกว่าหนึ่งอย่าง ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงของการเข้าถึงไม่ได้รับอนุญาตอย่างมาก ชั้นของความปลอดภัยนี้มีความสำคัญในการปกป้องทรัพย์สินของผู้ใช้และรักษาความสมบูรณ์ของการทำธุรกรรมของพวกเขา

นอกจากนี้ การเปิดตัวฟีเจอร์ 'deadpool' เป็นวิธีการใหม่ในการดึงดูดชุมชนเข้ามามีส่วนร่วมในกระบวนการรักษาความปลอดภัย โดยอนุญาตให้ผู้ใช้ส่งตัวเลขเพื่อการแยกตัวประกอบและช่วยเหลือในการแยกตัวประกอบของการส่งของผู้อื่น FACT0RN ใช้ความพยายามร่วมกันของชุมชนเพื่อเสริมความปลอดภัยของเครือข่าย ฟีเจอร์นี้ไม่เพียงแต่เพิ่มชั้นของความปลอดภัย แต่ยังสร้างความรู้สึกของชุมชนและการมีส่วนร่วมให้กับผู้ใช้

ด้วยการพึ่งพาการแยกตัวป

### FACT0RN จะถูกใช้อย่างไร?

FACT0RN นำเสนอวิธีการที่นวัตกรรมในการรักษาความปลอดภัยและประโยชน์ของบล็อกเชน โดยใช้การแยกตัวประกอบเลขจำนวนเต็มเป็นกลไกหลักสำหรับ Proof of Work (PoW) วิธีการนี้ซึ่งแตกต่างจากเทคนิคการแฮชแบบดั้งเดิม นำเสนอมุมมองที่ไม่เหมือนใครในพื้นที่การเข้ารหัสลับ ดึงดูดทั้งวงการวิชาการและการปฏิบัติของเทคโนโลยีบล็อกเชน

การใช้งานหลักของ FACT0RN คือการรักษาความปลอดภัยของเครือข่ายผ่านกระบวนการ PoW ที่เกี่ยวข้องกับการแยกตัวประกอบเลขจำนวนเต็มของตัวเลขที่ยอดเยี่ยมในฐาน 2 กระบวนการนี้ไม่เพียงแต่สำคัญต่อการรักษาความสมบูรณ์ของบล็อกเชนเท่านั้น แต่ยังรับประกันระบบการขุดที่ยุติธรรมและกระจายอำนาจ นักขุดเข้าร่วมเครือข่ายโดยการค้นหาตัวเลขที่ยอดเยี่ยมในช่วงสุ่ม ซึ่งเป็นงานที่ต้องการความพยายามทางการคำนวณอย่างมากและด้วยเหตุนี้จึงให้ความปลอดภัยต่อการโจมตีที่เป็นอันตราย

นอกเหนือจากฟังก์ชันความปลอดภัยพื้นฐาน FACT0RN ทำหน้าที่หลายอย่างภายในระบบนิเวศของสกุลเงินดิจิทัล มันช่วยให้การทำธุรกรรมข้ามพรมแดน ทำให้ผู้ใช้สามารถส่งเงินไปต่างประเทศได้อย่างง่ายดายและมีประสิทธิภาพ ความสามารถนี้เป็นประโยชน์โดยเฉพาะในเศรษฐกิจโลก ที่ระบบธนาคารแบบดั้งเดิมมักจะเรียกเก็บค่าธรรมเนียมสูงและมีเวลาทำธุรกรรมช้า

นอกจากนี้ FACT0RN ยังถูกใช้ในการใ

### เหตุการณ์สำคัญใดบ้างที่เกิดขึ้นสำหรับ FACT0RN?

FACT0RN ได้ประสบกับหลายเหตุการณ์สำคัญและการพัฒนาตั้งแต่เริ่มต้น ซึ่งสะท้อนถึงการเดินทางที่เปลี่ยนแปลงไปในภูมิทัศน์ของสกุลเงินคริปโต ด้านที่น่าสังเกตของการเดินทางนี้ รวมถึงการดำเนินการฟอร์กถึงเจ็ดครั้ง ฟอร์กเหล่านี้เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในประวัติศาสตร์ของ FACT0RN ซึ่งบ่งบอกถึงการปรับเปลี่ยนและการเพิ่มประสิทธิภาพให้กับโปรโตคอลบล็อกเชนเพื่อปรับปรุงฟังก์ชันการทำงาน ความปลอดภัย หรือเพื่อนำเสนอฟีเจอร์ใหม่ๆ

การเข้าหานวัตกรรมของบล็อกเชนในการพิสูจน์การทำงาน (PoW) โดยการแทนที่การแฮชแบบดั้งเดิมด้วยการแยกตัวประกอบของตัวเลขที่ยอดเยี่ยมในฐาน 2 ได้รับความสนใจ วิธีนี้ไม่เพียงแต่เน้นถึงความมุ่งมั่นของ FACT0RN ในการสำรวจความท้าทายทางคริปโตกราฟฟิกใหม่ๆ แต่ยังเน้นถึงความมุ่งมั่นในการเพิ่มประสิทธิภาพและความปลอดภัยของกระบวนการขุด การดำเนินการของโหนดที่ใช้งานอยู่มากกว่า 120 โหนดและระดับความยากที่เพิ่มขึ้นตั้งแต่เปิดตัวในวันที่ 20 เมษายน 2022 ยืนยันถึงความมั่นคงที่เพิ่มขึ้นของบล็อกเชนและการมีส่วนร่วมอย่างแข็งขันจากชุมชน

นอกจากนี้ การนำเสนอฟีเจอร์ 'deadpool' ถือเป็นขั้นตอนที่สร้างสรรค์ในการดึงดูดชุมชน โดยอนุญาตให้ผู้ใช้ส่งตัวเลขเพื่อการแยกตัวประกอบและมีส่วนร่วมในการส่งของผู้อื่น FACT0RN กำลังส่ง



FACT0RN Blockchain, a recipient of the 2022 Coinbase Crypto Community Fund grant, has implemented an innovative approach replacing hashing by integer factorization as PoW; a problem of interest to both the private sector, the public sector, and the academic community. The FACT0RN Blockchain was officially launched on April 20, 2022, at 6:09 AM EST and has been successfully operational for over a year. Currently, it boasts more than 120 active nodes, and a rapidly increasing difficulty level.

The PoW mechanism employed by FACT0RN Blockchain involves integer factorization of brilliant numbers in base 2. The process of mining a block is structured in a way that the most cost-effective method is to sieve random intervals given out by the nodes for brilliant numbers based 2. On average, several nonces and 10's of thousands of numbers will need to be factored before a brilliant number in base 2 is discovered by a miner.

Due to the widespread interest in factoring within the cryptographic community and among over a dozen hobbyist communities, FACT0RN Blockchain is introducing a 'deadpool' feature. Users can participate by paying a fee in FACT coins and submitting a number to be factored in the deadpool. Additionally, others can contribute more coins to any number already in the deadpool. This feature is currently under development.

FACT0RN

Bittensor

Nakamoto Games

Kaspa is a proof-of-work (PoW) cryptocurrency which implements the GHOSTDAG protocol. Unlike traditional blockchains, GHOSTDAG does not orphan blocks created in parallel, rather allows them to coexist and orders them in consensus. The Kaspa blockchain is actually a blockDAG. This generalization of Nakamoto consensus allows for secure operation while maintaining very high block rates (currently one block per second, aiming for 10/sec, dreaming of 100/sec) and minuscule confirmation times dominated by internet latency.

The Kaspa implementation includes a lot of cool features such as Reachability to query the DAG's topology, Block data pruning (with near-future plans for block header pruning), SPV proofs, and later subnetwork support which will make future implementation of layer 2 solutions much easier.

Kaspa

Router Protocol

Verasity is an open-ledger ecosystem designed to fight advertising fraud, provide open access to infrastructure for publishers and advertisers, and reward users for watching video content. Verasity also provides payment solutions and a rewarding staking ecosystem with 15% yields guaranteed through to April 2024.

Powered by a mix of artificial intelligence (AI), machine learning (ML), and cutting-edge blockchain technologies, Verasity is building the most powerful advertising ecosystem in the world through VeraViews; developing an open-access payments platform through VeraWallet, the VeraCard, and VeraPay; and enhancing the attention economy through its patented Rewarded Video module.

Verasity

Blocksquare is a technology company building the required infrastructure to transfer real estate assets to the internet. Businesses of all types — from startups to large enterprises — can use Blocksquare’s solutions and APIs to digitize value of real estate properties, launch their investment platforms and connect people to tokenized real estate deals online.

Blocksquare's vision is to power 100s of platforms across the globe, connecting investors to real estate opportunities in their region.

Blocksquare offers three main products:

Real estate tokenization protocol

White-label marketplace

DeFi bridge

Blocksquare Token

Myria

Quant launched in June 2018 with the goal of connecting blockchains and networks on a global scale, without reducing the efficiency and interoperability of the network. It is the first project to solve the interoperability problem through the creation of the first blockchain operating system.

To learn more about this project, check out our deep dive of Quant.

The project is built as an operating system distributed ledger technology— and Overledger Network — for connecting different blockchain networks. The project is billed as the first OS to be built for blockchains.

The main aim of Quant — using Overledger — is to bridge the gap that exists between different blockchains. The backbone of the project is the Overledger network, which Quant bills as the ecosystem on which the future digital economy ecosystem will be built.

Overledger allows developers to build decentralized multi-chain applications (known as MApps) for their customers. For developers to build a Mapp on the network, they must hold a certain amount of Quant tokens (QNT).

Quant

Neon EVM

Energy Web Token (EWT) is the operational token behind the Energy Web Chain, a blockchain-based virtual machine designed to support and further application development for the energy sector.

Energy Web Chain was launched in June 2019. The Energy Web Foundation is the non-profit enterprise behind the project. EWT aims to bring diversity to the energy sector by allowing developers to create decentralized applications (DApps). The virtual machine has the potential to benefit actors from all areas of energetics, including grid operators, software developers, and vendors.

Energy Web Token

Akash Network

Founded in Singapore in 2018, Alchemy Pay (ACH) is a payment solutions provider that seamlessly connects fiat and crypto economies for global consumers, merchants, developers, and institutions. It provides online and offline merchants with convenient acceptance of both fiat and crypto, enables easy onboarding to blockchain ecosystems, and makes web3 services highly accessible. Today, Alchemy Pay is supported in over 70 countries with 300 payment channels, has touchpoints with more than 2 million merchants through partnerships with industry leaders such as Binance, Shopify, NIUM, and QFPay. Alchemy Pay’s token ACH, is an ERC20 native to the Ethereum blockchain.

Alchemy Pay

Nervos Network (CKB) is an open-source public blockchain ecosystem. Its goal is to create a peer-to-peer (P2P) crypto-economy network where users can access a wide range of provably secure blockchain services and capabilities.

The Nervos mainnet launched in November 2019 with a novel dual-layer architecture. There’s a base layer where the consensus mechanism operates and smart assets are stored, and a computation layer where transactions are processed.

The base layer, also known as the Common Knowledge Base, has its own cryptocurrency called CKByte (CKB). It uses the Proof-of-Work (PoW) consensus mechanism and drives the Nervos ecosystem. It is used to pay miners for keeping the network safe, managing network resources, and letting users store things on the network.

The Nervos Network allows developers to create decentralized applications (dApps) that can operate on various blockchain systems. Any of the network layers can be used to run both decentralized apps and smart contracts.

Nervos Network

RenderToken (RNDR) is a distributed GPU rendering network built on top of the Ethereum blockchain, aiming to connect artists and studios in need of GPU compute power with mining partners willing to rent their GPU capabilities out. Conceived in 2009 by OTOY, inc. CEO Jules Urbach and launched in 2017, RNDR held its first public token sale in October of that same year, followed by a private sale period lasting from January 2018 – May 2018, wherein a total of 117,843,239 RNDR were sold at a price of 1 RNDR = $0.25 USD equivalent of token.
During the private sale period, early adopters were onboarded onto the RNDR Beta Testnet, where beta node operators and artists worked collaboratively with the RNDR team in building and testing the network, up until its public launch on April 27th 2020.

Render

Metis is an Ethereum Layer-2 scaling solution aiming to solve the blockchain trilemma: that blockchains cannot be decentralized, secure, and scalable simultaneously. It also strives to solve Ethereum's biggest challenges: speed, cost and scalability.

Metis wants to help developers create and manage existing decentralized applications (dApps), while also supporting developers and entrepreneurs who want to build and launch new dApps. It also integrates the Decentralized Autonomous Company (DAC) framework into its Layer 2 infrastructure to help developers and businesses move from Web 2.0 to Web 3.0.

Metis

Launched on mainnet on March 30, 2021, Casper is the first live proof-of-stake (PoS) blockchain built off the Casper CBC specification. The Casper platform is designed to boost the adoption of blockchain technology, smart contracts, and DApps on a global scale.

With its future-proof architecture, Casper is designed to ensure the platform is continually developed according to the evolving needs of its users, and that it’s maximally accessible to developers of all backgrounds. As per the official whitepaper, Casper is optimized to suit both enterprise and developer needs. Casper’s mission is to usher in a new era for Web3, as demand for intuitive, interconnected services continues to grow across the board. Casper does so by solving the adoption trilemma: offering enterprise-grade security, scalability and decentralization all within the same blockchain protocol.

Casper

LCX is available for trading on a growing number of exchanges, with cryptocurrency and stablecoin pairs currently available.

Coinbase offers 3 trading pairs pairs with LCX/USD, LCX/USDT and LCX/EUR, while Kraken also offers 2 trading pairs with LCX/EUR and LCX/USD. Uniswap (https://coinmarketcap.com/currencies/uniswap/) offers an Ethereum (ETH) trading pair; LCX/ETH. LCX Exchange offers a variety of trading pairs including Bitcoin (BTC), Ethereum (ETH) and USD Coin (USDC) options.

Founded in 2017 and launched via IEO on Binance in March 2019, Fetch.AI is an artificial intelligence (AI) lab building an open, permissionless, decentralized machine learning network with a crypto economy. Fetch.ai democratizes access to AI technology with a permissionless network upon which anyone can connect and access secure datasets by using autonomous AI to execute tasks that leverage its global network of data. The Fetch.AI model is rooted in  use cases like optimizing DeFi trading services, transportation networks (parking, micromobility), smart energy grids, travel — essentially any complex digital system that relies on large-scale datasets.

Artificial Superintelligence Alliance

Flux is the cryptocurrency that powers the Flux ecosystem. It has a number of uses including purchasing resources, collateralizing nodes and fuelling transactions on FluxOS, as well as rewarding both miners and FluxNode operators for providing computational resources.

The Flux ecosystem is devoted to empowering everyone to develop, deploy and use the decentralized Internet of the future: Web3

At this moment the Flux ecosystem consists of: a native, minable POW cryptocurrency ($FLUX), a powerful decentralized computational Flux Network (FluxNodes), a Linux based operating system (FluxOS), the premier digital asset platform (Zelcore) and, finally, the Flux blockchain for on-chain governance, economics and parallel assets to provide interoperability with other blockchains and DeFi access.

Currently (2023/1) Flux has a computational network consisting of around 15,000 decentralized nodes, distributed globally with more than 108,000 CPU cores, 288 terabytes of RAM and 6.7 petabytes of storage. That makes Flux the largest decentralized network in the world!