## Dusk (DUSK) คืออะไร?

Dusk เป็นโปรโตคอลบล็อกเชนที่เน้นความเป็นส่วนตัว โดดเด่นด้วยการเน้นการทำให้สินทรัพย์ในโลกจริงสามารถถูกโทเค็นไนซ์ได้ พร้อมทั้งรักษาความเป็นไปตามกฎหมายและความเป็นส่วนตัว พัฒนาโดย Dusk Network B.V. ซึ่งตั้งอยู่ที่อัมสเตอร์ดัม ประเทศเนเธอร์แลนด์ โปรโตคอลนี้ถูกออกแบบมาเพื่อตอบสนองความต้องการของสถาบัน ธุรกิจ และผู้ใช้งานที่ต้องการความเป็นส่วนตัวและการปฏิบัติตามกฎหมายในการดำเนินงาน Dusk Network มีเป้าหมายที่จะปฏิวัติภูมิทัศน์ทางการเงินโดยทำให้สินทรัพย์ที่มีการควบคุมสามารถซื้อขายโดยตรงจากกระเป๋าเงินของบุคคลได้ ซึ่งช่วยเชื่อมโยงระหว่างการเงินแบบดั้งเดิมกับการเงินแบบกระจายอำนาจ

หัวใจหลักของนวัตกรรมของ Dusk คือการใช้ Zero-Knowledge Proofs (ZKPs) ซึ่งเป็นวิธีการเข้ารหัสที่ช่วยให้สามารถตรวจสอบข้อมูลได้โดยไม่เปิดเผยข้อมูลเอง ซึ่งเทคโนโลยีนี้มีความสำคัญสำหรับการรักษาความเป็นส่วนตัวภายในเครือข่าย ทีม Dusk มีส่วนสำคัญในการพัฒนา ZKPs โดยการวิจัยของพวกเขานำไปสู่การสร้าง Piecrust ซึ่งเป็นเครื่องจักรเสมือน ZKP ที่เป็นผู้นำในด้านบล็อกเชนและความเป็นส่วนตัว

Dusk Network มีชุดผลิตภัณฑ์ที่ออกแบบมาเพื่อตอบสนองความต้องการต่างๆ ภายในระบบนิเวศ หนึ่งในผลิตภัณฑ์เหล่านั้นคือ Citadel ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ใบอนุญาต ZKP ที่ช่วยให้สา

### Dusk (DUSK) มีการรักษาความปลอดภัยอย่างไร?

Dusk Network ใช้วิธีการหลายด้านในการรักษาความปลอดภัย โดยผสานเทคนิคการเข้ารหัสขั้นสูงและกลไกการปฏิบัติตามกฎหมายเพื่อรับรองความสมบูรณ์และความเป็นส่วนตัวของการทำธุรกรรมบนบล็อกเชนของตน ใจกลางของโมเดลความปลอดภัยของ Dusk คือ Zero-Knowledge Proofs (ZKPs) ซึ่งเป็นวิธีการเข้ารหัสลับที่ล้ำสมัยที่อนุญาตให้ตรวจสอบการทำธุรกรรมโดยไม่เปิดเผยข้อมูลสำคัญใดๆ เกี่ยวกับฝ่ายที่เกี่ยวข้องหรือการทำธุรกรรมเอง นี่รับรองว่าในขณะที่การทำธุรกรรมเป็นสิ่งที่โปร่งใสและสามารถตรวจสอบได้ ความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้ก็ยังคงได้รับการรักษา

นอกจากนี้ กลไกการตกลงข้อตกลงที่เป็นเอกลักษณ์ของ Dusk Network คือ Segregated Byzantine Agreement (SBA) มีบทบาทสำคัญในการรักษาความปลอดภัยของเครือข่าย SBA เป็นการปรับปรุงนวัตกรรมของโมเดล Proof-of-Stake (PoS) ที่รวมคุณสมบัติเช่นการเรียงลำดับทางคริปโตและการทำธุรกรรมที่ถูกล็อคเวลาอย่างลับ คุณสมบัตินี้ไม่เพียงแต่เพิ่มความเป็นส่วนตัว แต่ยังรับรองว่ากระบวนการเลือกตัวตรวจสอบ (โหนด) เป็นไปอย่างยุติธรรมและต้านทานต่อการกลางกลาง ซึ่งเสริมความปลอดภัยของเครือข่ายต่อการโจมตี

ความมุ่งมั่นของเครือข่ายต่อการปฏิบัติตามกฎระเบียบทั่วโลกและกฎหมายท้องถิ่นเสริมความแข็งแกร่งให้กับกรอบความปลอดภัยของมัน โดยการออกแบบโครงสร้างพื้นฐานให้สอดคล้องกับมาตรฐานการกำกับดูแล Dusk Network ร

### Dusk (DUSK) จะถูกใช้อย่างไร?

Dusk ทำหน้าที่เป็นชั้นฐานสำหรับยุคใหม่ของนวัตกรรมทางการเงินและเทคโนโลยี โดยเน้นที่ความเป็นส่วนตัว การปฏิบัติตามกฎหมาย และการผสานรวมสินทรัพย์ในโลกจริงเข้ากับระบบนิเวศบล็อกเชนได้อย่างราบรื่น มันเป็นโปรโตคอลบล็อกเชนที่เน้นความเป็นส่วนตัว ออกแบบมาเพื่อตอบสนองความต้องการของการเงินที่มีการควบคุมและแอปพลิเคชันแบบกระจายอำนาจที่ต้องการหลักฐานที่ไม่รู้ความ (zero-knowledge proofs) เพื่อรับรองความเป็นส่วนตัวของข้อมูล ทำให้มันเป็นแพลตฟอร์มที่เหมาะสำหรับการพัฒนาแอปพลิเคชันหลากหลาย ตั้งแต่การแลกเปลี่ยนหลักทรัพย์ที่ดำเนินการโดยปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเต็มที่ไปจนถึงแอปพลิเคชันที่รักษาความเป็นส่วนตัวบนโครงสร้างพื้นฐานบล็อกเชนสาธารณะ

การใช้หลักฐานที่ไม่รู้ความ (Zero-Knowledge Proofs) ของโปรโตคอล โดยเฉพาะผ่านเครื่องจักรเสมือน ZKP ที่สร้างขึ้นเองชื่อ Piecrust ทำให้ Dusk เป็นผู้นำในเทคโนโลยีความเป็นส่วนตัว นวัตกรรมนี้ช่วยให้สามารถสร้างสัญญาอัจฉริยะและธุรกรรมที่เป็นส่วนตัวได้ โดยรักษาความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้ในขณะที่ตอบสนองมาตรฐานการปฏิบัติตามกฎหมาย นวัตกรรมนี้ไม่เพียงแต่เป็นการเปลี่ยนแปลงสำคัญสำหรับพื้นที่บล็อกเชนเท่านั้น แต่ยังเสนอโอกาสให้กับธุรกิจและสถาบันในการอัตโนมัติการปฏิบัติตามกฎหมาย บรรลุการชำระเงินที่สมบูร

### นี่คือเนื้อหา มีเหตุการณ์สำคัญอะไรบ้างสำหรับ Dusk (DUSK)?

Dusk ได้ประสบกับหลายเหตุการณ์สำคัญที่มีส่วนช่วยในการพัฒนาและเติบโตในพื้นที่บล็อกเชนและสกุลเงินดิจิทัล รวมถึงการคืนส่วนแบ่งและรางวัลให้กับผู้เข้าร่วมอย่างสำเร็จ ซึ่งบ่งบอกถึงกลไกการเดิมพันที่แข็งแกร่งและเชื่อถือได้ โครงการยังมีส่วนร่วมอย่างแข็งขันกับชุมชนและนักพัฒนาผ่านการเปิดตัวกิจกรรมทดสอบเครือข่ายที่มีแรงจูงใจ ซึ่งสำคัญสำหรับการทดสอบและปรับปรุงคุณสมบัติและความปลอดภัยของเครือข่าย

ทีมงานของ Dusk ได้ขยายตัวด้วยการจ้างพนักงานใหม่สองคน แสดงให้เห็นถึงการเติบโตของโครงการและความมุ่งมั่นในการนำเข้าความเชี่ยวชาญใหม่เพื่อผลักดันนวัตกรรม ความสำเร็จที่น่าสังเกตของ Dusk คือการถูกจดทะเบียนบนแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนหลัก ซึ่งเพิ่มความเห็นแก่ได้และการเข้าถึงสู่ผู้ลงทุนและผู้ใช้จำนวนมาก

การเปิดตัวเครือข่ายทดสอบ DayBreak เป็นเหตุการณ์สำคัญอีกเหตุการณ์หนึ่ง โดยให้สภาพแวดล้อมสำหรับการทดสอบคุณสมบัติและการปรับปรุงใหม่ก่อนที่จะถูกนำไปใช้บนเครือข่ายหลัก นี่เป็นส่วนหนึ่งของความมุ่งมั่นของ Dusk ในการรับประกันโครงสร้างพื้นฐานบล็อกเชนที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ โครงการยังได้ก้าวหน้าในการโยกย้ายโทเค็น ด้วยการอัปเดตกระบวนการโยกย้ายโทเค็นจาก BEP2 ไปยัง BEP20 ทำให้การเปลี่ยนแปลงสำหรับผู้ถือโทเค็นเป็นไปอย่างราบรื่น

การ

### ใครคือผู้ก่อตั้ง Dusk?

เครือข่าย Dusk ถูกก่อตั้งขึ้นโดยทีมผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์หลากหลายในด้านเทคโนโลยีบล็อกเชน, วิทยาการเข้ารหัสลับ, และการพัฒนาธุรกิจ ผู้ร่วมก่อตั้งรวมถึง Fulvio Venturelli, Emanuele Francioni, Jelle Pol, Pascal Putman, และ Mels Dees วิสัยทัศน์ร่วมของพวกเขาคือการสร้างแพลตฟอร์มบล็อกเชนที่เน้นความเป็นส่วนตัวและการปฏิบัติตามกฎหมาย ทำให้สามารถผสานรวมทรัพย์สินในโลกจริงเข้ากับเศรษฐกิจดิจิทัลได้อย่างราบรื่น



What is Dusk?

Founded in 2018, Dusk is a Layer-1 blockchain designed to provide institutional-level and privacy and compliance in order to make it possible for anybody to trade real-world assets from their wallet. Built for regulated and decentralized finance, Dusk aims to evolve the financial landscape by making it possible for regulated assets to be brought on-chain. 

Dusk’s three core pillars are; privacy and compliance in order to bring institutional-level assets to anyone’s wallet.

Using cryptographically secure Zero-Knowledge Proofs (ZKPs) to maintain privacy, the research team at Dusk have been leading the way in the developments of ZKPs, having had papers published on their work. A custom-built ZKP virtual machine, Piecrust, is the first of its kind and breaking new ground in the spaces of blockchain and privacy. 

Featuring a suite of products, including Citadel, a ZKP licensing product which is well-suited to KYC/AML procedures as well as subscription-based models, Dusk is building the infrastructure for the economy of the future. 

Benefits for businesses and institutions include automated and programmable compliance, instant settlement finality, and access to unified liquidity. Through the use of private smart contracts, Dusk is even able to provide levels of privacy above what banks and institutions are used to. 

For users, Dusk offers the possibility to break out of the crypto sandbox, and make it possible to trade real-world, regulated assets with the same level of ease and autonomy as they can trade digital assets. 

The Dusk network is Proof-of-Stake (PoS) and powered and secured by the DUSK token. The blockchain is public and open for anyone to use and participate in the consensus mechanism. Validators can run nodes by staking DUSK to secure the network, and transactions are paid using DUSK.

Through the use of a transactional model called Phoenix, Dusk focuses on bringing privacy and anonymity to both transactions and smart contracts. Additionally, tokens deployed on Dusk can build on top of Zedger, a hybrid privacy-preserving model specifically modeled for security tokens.

The ‘Segregated Byzantine Agreement’ (SBA) consensus mechanism secures the network. According to the SBA is an improvement over the underlying PoS mechanism as it combines existing ideas like cryptographic sortition (lottery), stealth time-locked transactions (private stake amounts) and a reputation module to increase the chances of selecting honest nodes and further promote decentralization.

Dusk is based in Amsterdam, The Netherlands. 

Binance

Dusk

Trust Wallet

MetaMask

Binance Chain Wallet

Founded in 2018, Dusk is a Layer-1 blockchain designed to provide institutional-level and privacy and compliance

Ethereum

Shiba Inu

Chainlink

Uniswap

UNUS SED LEO

Coin98

Marlin

Propy

Oraichain

Apu Apustaja

Storj

Zentry

Rollbit Coin

Delysium

Keep Network

Chainflip

XEN Crypto

Flappymoonbird

Privapp Network

EscoinToken

LTO Network has established itself as Europe’s leading blockchain with strong real-world usage. It was founded on B2B enterprise solutions such as decentralized workflows, data & document verification and authentication. In 2021, LTO Network’s COBALT mainnet update expanded this solid base with the addition of Decentralized Identifiers (DID) and Verifiable Credentials (VC), putting LTO Network on the road of becoming a true layer-1 blockchain. In turn, Decentralized Identities and Verifiable Credentials are at the core of LTO Network’s newest focus; NFT2.0 technology, where people truly own and manage their NFTs in a decentralized way.

By utilizing its hybrid (2-layer) approach, LTO Network is natively GDPR compliant. This ensures easy compliance for companies around the world with ever-increasing privacy laws. Because of this, LTO Network enables developers and businesses to build Privacy Aware Decentralized Apps (PADA) and offers many unique opportunities for projects to explore.

Immediate plans for LTO Network include NFT2.0, decentralized identities/verifiable credentials driving KYC, expansions on already established projects and much more.

LTO Network

MANTRA

Polymesh is an institutional-grade permissioned blockchain built specifically for regulated assets. It streamlines antiquated processes and opens the door to new financial instruments by solving challenges with public infrastructure around governance, identity, compliance, confidentiality, and settlement. POLYX is the native protocol token of Polymesh used to stake and secure the network, pay transaction fees, and engage in governance.

Polymesh integrates built-in financial primitives that enable users to operate the blockchain at minimal fixed costs. Additionally, it enables developers to create decentralized applications (dApps) on the platform. Polymesh also aims to effectively tackle critical concerns like rule enforcement, identity verification, regulatory compliance, data privacy and transaction finalization.

According to Polymesh's whitepaper, the project overcomes the flaws in Ethereum and other general-purpose blockchains that may impede the acceptance of security tokens by industries and institutions.

Polymesh

TrueFi

Centrifuge is a decentralized asset financing protocol. It connects decentralized finance (DeFi) with real-world assets (RWA) while trying to lower the cost of capital for small and mid-size enterprises (SMEs) and provide investors with a stable source of income. The main goal of the project is to generate profits that are not tied to volatile crypto assets; the developers are pursuing the task of transferring real monetary value from fiat to cryptocurrencies.

Companies are using Centrifuge to access the liquidity that DeFi has to offer. They can tokenize real assets and use these tokens as collateral to access financing through Tinlake, a decentralized application (DApp) lending protocol. The Centrifuge blockchain is built on Polkadot (DOT) for speed and low fees, while its financial DApp Tinlake is built to access Ethereum (ETH) liquidity.

Centrifuge provides liquidity to everyone and investors receive income and rewards in the form of CFG tokens. Centrifuge links assets such as invoices, real estate and royalties with decentralized finance (DeFi). Additionally, borrowers benefit from the fact that they can finance their real assets without banks or other intermediaries.

Centrifuge

Maple

Ocean Protocol

Pendle

Ondo

Web3's Decentralised Commerce Layer.
Sell physical things as redeemable NFTs, everywhere, online, in-game and in-verse.
We have solved the hard tech problems of tokenizing and twinning physical items, so you can focus on creating innovative Web3 commerce experiences for your customers.
Our no-code, low-cost tools make it easy to tokenize and sell physical products as NFTs everywhere, including your own Web3 store, the Metaverse, or on NFT marketplaces.
Redemption can be integrated into your own website, giving your brand full control of the customer experience.
With Boson, you can create phygital assets and token-gate purchases, allowing you to effortlessly develop engaging and rewarding digi-physical commerce experiences.
Buyers can redeem the NFT for the physical with the assurance that either they will receive the item or their money back- all without the need to trust intermediaries or sellers, just code and independent dispute resolvers.  Alternatively, Buyers can transfer, gift, trade or hold the NFT - just like any other NFT.
Boson is a groundbreaking technology recognized as a Technology Pioneer by the World Economic Forum. As a decentralized protocol, Boson is built for the benefit of and governed by its users. Consequently, Boson only charges a minimal 0.5% per transaction protocol fee.

Boson Protocol

Founded in 2017 and launched via IEO on Binance in March 2019, Fetch.AI is an artificial intelligence (AI) lab building an open, permissionless, decentralized machine learning network with a crypto economy. Fetch.ai democratizes access to AI technology with a permissionless network upon which anyone can connect and access secure datasets by using autonomous AI to execute tasks that leverage its global network of data. The Fetch.AI model is rooted in  use cases like optimizing DeFi trading services, transportation networks (parking, micromobility), smart energy grids, travel — essentially any complex digital system that relies on large-scale datasets.

Fetch.ai

Celer is a blockchain interoperability
protocol enabling a one-click user experience accessing tokens, DeFi, GameFi, NFTs, governance, and more across multiple chains. Developers can build inter-chain-native Dapps using the Celer Inter-chain Messaging Framework to gain access to efficient liquidity utilization, coherent application logic, and shared states. Users of Celer-enabled dApps will enjoy the benefits of a diverse multi-blockchain ecosystem with the simplicity of a single-transaction UX, all from a single chain.

Celer Network

iExec is the leading provider of blockchain-based decentralized computing. Blockchain is utilized to organize a market network where people can monetize their computing power as well as applications and even datasets.

It does this by providing on-demand access to cloud computing resources. IExec can support applications in fields such as big data, healthcare, AI, rendering and fintech. IExec was founded on Oct. 16, 2016, with the goal to reinvent cloud computing through the creation of a new cloud computing paradigm.

As such, iExec relies on the XtremWeb-HEP, an open-source desktop grid software that implements features such as multi-applications, fault-tolerance, multi-users, deployment of virtual images, private infrastructure, data management, security and much more.

iExec RLC

Oasis is the pioneering layer 1 blockchain designed to enable scalability and confidential compute. Oasis is home to Sapphire, the first confidential EVM that empowers Web3 and Decentralized AI developers to build dApps with Smart Privacy natively on Oasis or other EVM-based chains.

ROSE is the native token of the Oasis Network used for gas fees, staking, delegation and governance. With a unique layered architecture, Oasis presents the optimal building and execution environment for DeFi, AI, GameFi, NFTs, the metaverse, data tokenization and DAO governance. Oasis also has native support for rollups at the consensus layer.

Oasis

SingularityNET is a blockchain-powered platform that allows anybody to easily "create, share, and monetize" AI services, thanks to its globally-accessible AI marketplace.

Through the SingularityNET marketplace, users can browse, test and purchase a huge variety of AI services using the platform’s native utility token — AGIX. Moreover, the marketplace represents an outlet AI developers can use to publish and sell their AI tools, and easily track their performance.

With the benefits of LLMs and generative AI are increasingly exciting, their limitations are also becoming increasingly apparent. The convergence of structured knowledge with neural networks is emerging as the key to overcoming their shortcomings.

Uniquely positioned at the heart of this convergence, SingularityNET will prioritize the integration of Knowledge Graphs (KGs) and comprehensive Neural Symbolic tools for LLMs, with the goal of empowering developers to create the next generation of AI systems on the SingularityNET Platform.

SingularityNET is strategically positioned to become the Knowledge Layer of the Internet, leading the evolution of the emerging AI landscape while also laying the foundations for the Artificial General Intelligence (AGI) of tomorrow.

The team behind SingularityNET pioneered the development of an AI known as Sophia, which is described as the "world's most expressive robot". SingularityNET’s goal is to enable Sophia to be able to fully understand human language, and continue developing “OpenCog” — an AI framework that is hoped to eventually achieve a state known as “advanced general intelligence,” i.e. human-level artificial intelligence (or beyond).

The platform was first announced in 2017 and completed an initial coin offering (ICO) in December the same year, raising $36 million in just one minute.

SingularityNET

Syscoin was created in 2014 by Sebastian Schepis — one of the co-founders of the company that created what became the Oracle Project Manager, an enterprise management system. Following the success of Project Manager, Sebastian has gone on to consult for large corporations like Lockheed-Martin, Bank of America, General Dynamics, Verizon Wireless, and several others

Today, Syscoin as an open source project is led by the non-profit Syscoin Foundation with board members including Jagdeep Sidhu (Foundation President and Lead developer) and Michiel Näring, Syscoin Foundation Vice President.

SYS Labs, an enterprise, leads the development of flagship apps and systems built on Syscoin, including Rollux (OPStack L2), SuperDapp, Pegasys DAO (DEX), and Luxy (NFT marketplace).

Syscoin

Chromia is a modular, relational blockchain platform that aims to make it easy for people to build decentralized applications (DApps). It was founded by ChromaWay, a company that has been working on blockchain solutions since 2014 for various sectors such as finance, real estate, gaming and public services. ChromaWay is also known for creating colored coins, which are user-defined assets on a blockchain that can represent anything from currencies to stocks to collectibles.

Chromia’s vision is to enable a new generation of DApps that can scale beyond what is currently possible and address real-world problems in various domains such as gaming, social media, finance, healthcare, education, governance, and more.

Some examples of DApps on Chromia include: My Neighbor Alice (ALICE), a multiplayer blockchain game; LAC PropertyChain, a land registry system; Green Assets Wallet, a platform for green bond verification; Hedget (HGET),  a decentralized options protocol; Corite (CO), a music streaming service; Chain of Alliance (COA), a strategy game; Vault12, a digital asset custody solution; Domenation, a blockchain gaming project.

Chromia

Reserve Rights (RSR) is an ERC-20 token that will serve two main purposes for the Reserve Protocol: overcollateralization of Reserve stablecoins (RTokens) through staking and governing them through proposing & voting on changes to their configuration.

The Reserve Rights (RSR) token was launched in May 2019 following a successful initial exchange offering (IEO) on the Huobi Prime platform.

Reserve Rights

Synthetix is building a decentralized liquidity provisioning protocol that any protocol can tap into for various purposes. Its deep liquidity and low fees serve as a backend for many exciting protocols on both Optimism and Ethereum. Many user-facing protocols in the Synthetix ecosystem, such as Kwenta (Spot and Futures), Lyra (Options), Polynomial (Automated Options), and 1inch & Curve (Atomic Swaps), tap into Synthetix liquidity to power their protocols. Synthetix is built on Optimism and Ethereum mainnet. The Synthetix Network is collateralized by SNX, ETH, and LUSD, enabling the issuance of synthetic assets (Synths). Synths track and provide returns on the underlying asset without requiring one to directly hold the asset. This pooled collateral enables an array of on-chain, composable financial instruments backed by liquidity from Synthetix. Some of the most exciting upcoming releases from SNX are Perps V2, which hopes to enable low-fee on-chain futures trading through the usage of off-chain oracles, and Synthetix V3, which aims to rebuild the protocol to achieve its earliest goal, being a fully permissionless derivatives protocol. Learn more about Synthetix on their blog or by joining the SNX Discord.

The platform aims to broaden the cryptocurrency space by introducing non-blockchain assets, providing access to a more robust financial market.

Synthetix

RenderToken (RNDR) is a distributed GPU rendering network built on top of the Ethereum blockchain, aiming to connect artists and studios in need of GPU compute power with mining partners willing to rent their GPU capabilities out. Conceived in 2009 by OTOY, inc. CEO Jules Urbach and launched in 2017, RNDR held its first public token sale in October of that same year, followed by a private sale period lasting from January 2018 – May 2018, wherein a total of 117,843,239 RNDR were sold at a price of 1 RNDR = $0.25 USD equivalent of token.
During the private sale period, early adopters were onboarded onto the RNDR Beta Testnet, where beta node operators and artists worked collaboratively with the RNDR team in building and testing the network, up until its public launch on April 27th 2020.