## นี่คือเนื้อหา อะไรคือ Zeitgeist?

Zeitgeist เป็นแพลตฟอร์มที่พัฒนาบนเทคโนโลยีบล็อกเชน มีจุดมุ่งหมายเพื่อใช้ประโยชน์จากพลังของความฉลาดร่วมกันผ่านตลาดการทำนาย โปรโตคอลนวัตกรรมนี้ช่วยให้ผู้ใช้สามารถทำนายผลลัพธ์ของเหตุการณ์ต่างๆ รวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียงการเคลื่อนไหวของราคาและเหตุการณ์สำคัญในตลาดคริปโตเคอเรนซี โดยการรวบรวมการทำนายของผู้ใช้ Zeitgeist มุ่งหวังที่จะเปิดเผยความจริงและส่งเสริมกระบวนการตัดสินใจที่สะท้อนถึงความเห็นร่วมของชุมชน

Zeitgeist สร้างขึ้นบนกรอบงานบล็อกเชน Substrate โดยเน้นความสำคัญของการกระจายอำนาจ การเลือกใช้พื้นฐานนี้ช่วยให้แพลตฟอร์มทำงานได้โดยไม่ต้องกังวลเรื่องการเซ็นเซอร์และจุดล้มเหลวกลาง ซึ่งสอดคล้องกับจิตวิญญาณของชุมชนบล็อกเชนโดยรวม

นอกจากการเป็นแพลตฟอร์มสำหรับตลาดการทำนายแล้ว Zeitgeist ยังสำรวจแนวคิดของ futarchy ซึ่งเป็นวิธีการบริหารจัดการที่นวัตกรรม โดยใช้ตลาดการทำนายเพื่อนำทางกระบวนการตัดสินใจ ผู้เข้าร่วมสามารถมีอิทธิพลต่อทิศทางของแพลตฟอร์มได้โดยตรงผ่านความแม่นยำของการทำนายของพวกเขา

นอกจากนี้ Zeitgeist ยังขยายการใช้งานโดยการทำหน้าที่เป็นแพลตฟอร์มประกันภัยแบบกระจายอำนาจ โดยอนุญาตให้ผู้ใช้ป้องกันตัวเองจากผลลัพธ์ต่างๆ มันให้กลไกการจัดการความเสี่ยงที่รวมอยู่ในระบบนิเวศการเงินแบบกระจายอำนาจ (DeFi)

เช่นเ

### Zeitgeist มีการรักษาความปลอดภัยอย่างไร?

Zeitgeist ใช้วิธีการหลายด้านเพื่อรับประกันความปลอดภัยและความสมบูรณ์ของแพลตฟอร์มบล็อกเชนซึ่งถูกออกแบบมาสำหรับตลาดการทำนายและการปกครองแบบฟิวทาร์คี รากฐานของความปลอดภัยของ Zeitgeist อยู่ที่เครือข่ายคอนเซนซัสแบบกระจายอำนาจและเพียร์ทูเพียร์ สถาปัตยกรรมแบบกระจายอำนาจนี้มีความสำคัญสำหรับการป้องกันจุดล้มเหลวเดียวและรับประกันว่าเครือข่ายยังคงมีความยืดหยุ่นต่อการโจมตี

เพื่อเพิ่มความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยเพิ่มเติม, Zeitgeist ใช้ลายเซ็นวงแหวน วิธีการเข้ารหัสนี้ช่วยให้สมาชิกของกลุ่มผู้ใช้สามารถทำธุรกรรมได้โดยที่ไม่สามารถระบุได้ว่าสมาชิกคนใดเป็นผู้ลงนามจริง นี่เพิ่มชั้นความเป็นส่วนตัวให้กับธุรกรรม ทำให้ยากต่อการติดตามกิจกรรมกลับไปยังผู้ใช้รายบุคคล

นอกจากนี้, Zeitgeist ให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของกระเป๋าเงินอย่างมาก กระเป๋าเงินบนแพลตฟอร์ม Zeitgeist ถูกเข้ารหัส, ให้ผู้ใช้วิธีการเก็บทรัพย์สินของพวกเขาอย่างปลอดภัย การเข้ารหัสรับประกันว่า, แม้ในกรณีของการละเมิด, บุคคลที่ไม่ได้รับอนุญาตไม่สามารถเข้าถึงเงินของผู้ใช้ได้อย่างง่ายดาย

การตรวจสอบความปลอดภัยอย่างสม่ำเสมอเป็นอีกหนึ่งหลักสำคัญของกลยุทธ์ความปลอดภัยของ Zeitgeist การตรวจสอบเหล่านี้ดำเนินการเพื่อระบุและแก้ไขช่องโหว่ที่อาจเกิดขึ้นภายในระบบ โดยการค้น

### Zeitgeist จะถูกใช้อย่างไร?

Zeitgeist ถูกออกแบบมาเพื่อทำหน้าที่เป็นแพลตฟอร์มตลาดการทำนายแบบกระจายอำนาจ โดยใช้ประโยชน์จากเครือข่ายบล็อกเชนของ Polkadot แพลตฟอร์มนวัตกรรมนี้ช่วยให้ผู้ใช้สามารถสร้าง ร่วมมือ และเดิมพันผลลัพธ์ของเหตุการณ์ต่างๆ ผ่านสัญญาทางการเงินที่ซับซ้อน สาระสำคัญของ Zeitgeist อยู่ที่ความสามารถในการรวบรวมปัญญาและข้อมูลจากผู้คนจำนวนมาก เพื่อช่วยให้กระบวนการตัดสินใจเป็นไปอย่างมีข้อมูลมากขึ้น

ประโยชน์ของแพลตฟอร์มไม่ได้จำกัดอยู่แค่การเก็งกำไรเท่านั้น เนื่องจากมันมุ่งหวังที่จะจัดสรรทรัพยากรได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ตรวจจับเทรนด์ที่กำลังมาแรง และเข้าถึงจิตสำนึกร่วมของฐานผู้ใช้ ด้วยการทำเช่นนี้ Zeitgeist พยายามนำมนุษยชาติไปสู่เส้นทางแห่งความจริงและความก้าวหน้า สิ่งนี้ได้รับการบรรลุผ่านการสร้างระบบนิเวศที่ผลลัพธ์ของตลาดการทำนายสามารถมีอิทธิพลต่อการตัดสินใจและกลยุทธ์ในโลกแห่งความจริง

นอกจากนี้ Zeitgeist ยังนำเสนอแนวคิดของ futarchy ซึ่งเป็นรูปแบบการปกครองใหม่ที่พึ่งพาตลาดการทำนายเพื่อบรรลุการตัดสินใจที่เป็นความเห็นร่วมกัน วิธีการนี้แนะนำว่าปัญญาของฝูงชน เมื่อรวบรวมผ่านตลาดการทำนาย สามารถนำไปสู่รูปแบบการปกครองที่มีประสิทธิภาพและมีการคิดไปข้างหน้ามากขึ้น

สรุปได้ว่า Zeitgeist ไม่เพียงแต่เป็นแพลตฟอร์มสำหรับการเก็งกำไรทางการเงินเท

### เหตุการณ์สำคัญใดบ้างที่เกิดขึ้นสำหรับ Zeitgeist?

Zeitgeist ได้ทำเครื่องหมายการมีอยู่ของตนในพื้นที่บล็อกเชนและสกุลเงินดิจิทัลผ่านการพัฒนาและการเคลื่อนไหวทางกลยุทธ์ที่สำคัญหลายประการ สิ่งสำคัญในการพัฒนาของมันคือการสร้างโปรโตคอลตลาดการทำนายโดยใช้กรอบงานบล็อกเชน Substrate ที่แข็งแกร่งและยืดหยุ่น การเลือกนี้เน้นย้ำถึงความมุ่งมั่นของพวกเขาในการสร้างแพลตฟอร์มที่ขยายได้และกระจายอำนาจ ซึ่งสอดคล้องกับปรัชญาหลักของพวกเขาที่เน้นความสำคัญของความจริงและความโปร่งใสในยุคดิจิทัล

ช่วงเวลาสำคัญสำหรับ Zeitgeist คือการเปิดตัวแพลตฟอร์มตลาดการทำนายภายในระบบนิเวศ Polkadot ขั้นตอนนี้ไม่เพียงแต่ขยายความสามารถในการดำเนินงานของพวกเขาเท่านั้น แต่ยังรวมพวกเขาเข้ากับเครือข่ายโครงการบล็อกเชนที่กว้างขึ้น ช่วยเพิ่มความสามารถในการทำงานร่วมกันและการเข้าถึง การนำเสนอค่าธรรมเนียมผู้สร้างตลาดเป็นอีกหนึ่งการพัฒนาที่สำคัญ นำเสนอแบบจำลองเศรษฐกิจใหม่และส่งเสริมการสร้างตลาดการทำนายที่หลากหลายและเต็มไปด้วยพลวัต

นอกจากนี้ การเป็นหุ้นส่วนของ Zeitgeist กับผู้ให้บริการดัชนีชั้นนำเป็นก้าวสำคัญไปสู่การรับรู้และการนำไปใช้ในกระแสหลัก ความร่วมมือนี้มีเป้าหมายเพื่อเชื่อมโยงช่องว่างระหว่างตลาดการเงินแบบดั้งเดิมและโลกใหม่ของสกุลเงินดิจิทัล โดยเสนอเครื่องมือใหม่ๆ สำหรับการวิเคราะห์ตลาดและการตัดสินใจ

### มีเหรียญ Zeitgeist ZTG จำนวนเท่าไรที่อยู่ในการหมุนเวียน?

ข้อมูลที่มีการหมุนเวียนของเหรียญ Zeitgeist ZTG เป็นตัวเลขที่เปลี่ยนแปลงได้ตามปัจจัยต่างๆ รวมถึงนโยบายการลดจำนวนเงินเฟ้อของโครงการและการลดครึ่งของรางวัลบล็อกตามโปรแกรม กลไกเหล่านี้ถูกออกแบบมาเพื่อส่งผลต่อจำนวนรวมของเหรียญ ZTG ในช่วงเวลาหนึ่ง ๆ ซึ่งอาจลดจำนวนเหรียญที่มีการหมุนเวียนในตลาดตามแบบจำลองเศรษฐกิจของโครงการ

Zeitgeist เป็นแพลตฟอร์มบล็อกเชนที่ออกแบบมาเฉพาะสำหรับตลาดการทำนายและฟิวทาร์คี ซึ่งเป็นรูปแบบการกำกับดูแลที่ใช้ตลาดการทำนายเพื่อตัดสินใจ วิธีการนวัตกรรมนี้ในการกำกับดูแลและการตัดสินใจในระบบกระจายอำนาจเน้นย้ำถึงความมุ่งมั่นของโครงการในการสร้างระบบนิเวศที่แข็งแกร่งสำหรับการทำนายและการกำกับดูแล

แม้ว่ารายละเอียดเฉพาะเกี่ยวกับจำนวนเหรียญ ZTG ที่มีการหมุนเวียนในปัจจุบันอาจแตกต่างกันไปตามการพัฒนาของโครงการอย่างต่อเนื่องและการนำเสนอโทเค็นนอมิกส์ของมัน จึงสำคัญสำหรับผู้ที่สนใจที่จะทำการวิจัยอย่างละเอียด การเข้าใจความซับซ้อนของการกระทำเพื่อลดเงินเฟ้อของ Zeitgeist และวิธีที่การลดครึ่งของรางวัลบล็อกอาจส่งผลต่อการจัดหาเป็นสิ่งสำคัญสำหรับทุกคนที่ต้องการมีส่วนร่วมกับระบบนิเวศ Zeitgeist หรือพิจารณา ZTG เพื่อรวมไว้ในพอร์ตการลงทุนดิจิทัลของพวกเขา

เช่นเดียวกับโครงการคริปโตเคอเรนซีหรือบล็อกเชนใด ๆ ภูมิทัศน์นี้อาจเ



Zeitgeist is an evolving blockchain for prediction markets and futarchy (a type of governance that uses prediction markets to arrive at a consensus).



Zeitgeist

Moonbeam

Wrapped Moonbeam

BeamSwap

Moonwell

Karura is an all-in-one decentralized finance (DeFi) hub and stablecoin platform built on Kusama (KSM) and integrated into Polkadot (DOT). Karura was created by the Acala Network, which has won four Web3 Foundation grants and founded the Substrate Developer Academy.

To learn more about this project, check out our deep dive of Karura.

Both Karura and Acala are backed by multiple funds, including Coinbase Ventures, Pantera Capital, Polychain Capital and Hypersphere. Karura and Acala operate in parallel. Specifically, Karura is implementing DeFi on Kusama in the same way that Acala is offering DeFi on Polkadot. The network is built with almost the same codebase as Acala: the two platforms provide scalable, convenient and fast DeFi cross-chain ecosystems for Kusama and Polkadot.

Parachain Karura is a platform that allows users to create effective, low-cost and complex financial applications, saving time and increasing trading efficiency.

The platform itself provides a multi-collateralized stablecoin backed by cross-chain assets (kUSD), a trustless staking derivative (liquid KSM), and an automated market maker (AMM) decentralized exchange (DEX) for unlocking liquidity and supporting financial innovation.

Karura is the decentralized financial hub of Kusama, a scalable multi-chain network for radical innovation and early-stage Polkadot deployments. Karura is the sister network to Acala. It hosts multichain liquid staking token (LST) protocols (such as liquid KSM - LKSM), an AMM decentralized exchange, and an app platform that is EVM-compatible and highly customizable (based on Substrate). Karura is secured by Kusama, and is the liquidity gateway of Kusama parachains, Acala and L1/L2 blockchains

Karura

Acala Token

Moonbeam is an Ethereum-compatible smart contract parachain on Polkadot. Moonbeam makes it easy to use popular Ethereum developer tools to build or redeploy Solidity projects in a Substrate-based environment.

Moonbeam is much more than just an EVM implementation: it’s a highly specialized parachain that mirrors Ethereum’s Web3 RPC, accounts, keys, subscriptions, logs, and more. The Moonbeam platform extends the base Ethereum feature set with additional features such as on-chain governance, staking, and cross-chain integrations.

Moonbeam’s Ethereum compatibility is unmatched:

Minimal Changes: developers can use existing Solidity smart contracts right away, with no need to rewrite or reconfigure

Use Existing Developer Tools: connect popular tools like MetaMask, Hardhat, Waffle, Remix, and Truffle via a complete set of Web3 RPC endpoints. Use well-known Javascript libraries such as Web3.Js or Ethers.Js.

Unified Accounts, Addresses, and Signatures: use your existing Ethereum H160 accounts & ECDSA signatures to interact with Moonbeam

Tap into the Most Integrations on Polkadot: use existing oracles, bridges, wallets, and other tools that are already building on Moonbeam

Moonbeam provides integration and connectivity between Polkadot Parachains as well as with other chains such as Ethereum and Bitcoin via bridges. Moonbeam was started in 2019 by Derek Yoo of Pure Stake.

Efinity is a cross-chain NFT platform developed by Enjin and built on Polkadot. Efinity was created as the next generation blockchain for digital assets with the aim of adapting to the challenges of the world of non-fungible tokens (NFTs), according to the project.

The main specialization of the Efinity project is the NFT space. With the protocol, traders and gamers can create, distribute, transfer, sell and buy NFTs. Efinity aims to remove barriers to entry into the NFT space/decentralized gaming, and to simplify user experience and digital asset governance.

Efinity Token powers the entire Efinity ecosystem, EFI aims to prioritize the generation, transfer and purchase of tokens using an inter-chain infrastructure of protocols resulting in lower transaction fees. As for incentives, rewards on PoW blockchains with NFT functionality go to miners who create/trade tokens, thereby forming a community.

One of the long-term goals of Efinity is to become a hub for both fungible and non-fungible tokens, accepting tokens from any other chain, facilitating the pricing and exchange of NFTs, increasing transaction volume, and creating network effects.

In December 2021, the project won the Polkadot parachain auction, and in March 2022, Enjin launched their flagship parachain Efinity on the Polkadot Relay Chain — a blockchain platform that provides a decentralized parachain network where people havecontrol over their data and identity.

Efinity Token

Astar Network helps developers build decentralized applications (dApps) and layer 2 solutions by providing interoperable web 3.0 infrastructure, financial incentives, incubation programmes and technical support. It seeks to provide the best solution for all developers by supporting EVM and making a parachain where EVM and WASM smart contracts can co-exist and communicate with each other.

Astar connects the Polkadot ecosystem with layer 1 blockchains like Ethereum and Cosmos. It's a Polkadot Parachain, and was designed as a multi-chain Polkadot dApp hub with support for DeFi, NFTs, DAOs, where developers can move beyond infrastructure and focus more on application development.

The project, which is backed by Binance Labs and Coinbase Ventures, operates on two layers: the first layer is built on the Substrate framework, and the second is built using OVM or Optimistic Virtual Machine, for scalability.

Astar

Centrifuge is a decentralized asset financing protocol. It connects decentralized finance (DeFi) with real-world assets (RWA) while trying to lower the cost of capital for small and mid-size enterprises (SMEs) and provide investors with a stable source of income. The main goal of the project is to generate profits that are not tied to volatile crypto assets; the developers are pursuing the task of transferring real monetary value from fiat to cryptocurrencies.

Companies are using Centrifuge to access the liquidity that DeFi has to offer. They can tokenize real assets and use these tokens as collateral to access financing through Tinlake, a decentralized application (DApp) lending protocol. The Centrifuge blockchain is built on Polkadot (DOT) for speed and low fees, while its financial DApp Tinlake is built to access Ethereum (ETH) liquidity.

Centrifuge provides liquidity to everyone and investors receive income and rewards in the form of CFG tokens. Centrifuge links assets such as invoices, real estate and royalties with decentralized finance (DeFi). Additionally, borrowers benefit from the fact that they can finance their real assets without banks or other intermediaries.

Centrifuge

SORA is about creating a supranational economic system that can efficiently provide capital to producers, thus pushing humanity forward, as well as a supranational and democratic governance structure to allocate capital in a fair way. It is both a new economic system that decentralizes the concept of a central bank as well as a network that implements a new way to architect a parachain blockchain that connects to the Polkadot relay chain and ecosystem with built-in tools focused on DeFi.

The SORA Network excels at providing tools for decentralized applications that use digital assets, such as atomic token swaps, bridging tokens to other blockchains, and creating programmatic rules involving digital assets.

SORA XOR is the native utility token that is:

Used for transaction fees (gas) on the SORA substrate network

Elastic supply, managed by atoken bonding curve

Enables holders of a certain amount to become a citizen and member of theSORA Parliament

Used to add liquidity to pairs onPolkaswap

Used to stake to become a validator or tonominate validators on the SORA Network

More aboutSORA tokenomics

SORA

Vega Protocol provides the derivatives scaling layer for Web3. It is a custom-built proof-of-stake blockchain, which makes it possible to trade derivatives on a decentralised network with comparable experience to using a centralised exchange.

VEGA is the network governance and staking token. It is used for:

Voting on the creation of new markets on the network

Running validator nodes on the network via staking VEGA tokens

Earning fees from traders through staking and delegation

Governing important network parameters which ensure markets are secure and fair

Vega Protocol

Self-described as "Polkadot's wild cousin," Kusama is an experimental blockchain platform that is designed to provide a massively interoperable and scalable framework for developers.

Kusama is built on Substrate — a blockchain building kit developed by Parity Technologies. Kusama has almost the same codebase as Polkadot — one of the most successful interoperable blockchains.

By deploying on Kusama, fast-paced projects gain access to a highly scalable, interoperable sharded network, with features that are not yet available on Polkadot. To that end, Kusama describes itself as a “canary network.”

The platform is designed to provide a testbed for developers looking to innovate and deploy their own blockchain and can be used as a preparatory network before launching on Polkadot — though many projects opt to stick with Kusama for their final product.

Kusama benefits from a low barrier to entry for deploying parachains, low bond requirements for validators, and is most commonly used by early-stage startups and for experimentation.

Kusama

Phala Network is the Execution Layer for Web3 AI. By enabling AI to understand and interact with blockchains, it unlocks the barrier for the first billion users to join Web3.

Phala Network's multi-proof system is the answer to the AI execution problem. On top of the Phala Network, you can easily build tamper-proof and unstoppable AI Agents that are closely integrated with on-chain smart contracts by AI-Agent Contract

Agentize smart contracts: Create AI Agents for smart contracts using natural and programming languages.

Connect to the internet of multi-agents: Make your agents accessible by other cross-chain AI Agents.

Launch AI Agents and get incentivized: Own your agents and build a profitable token economy.

Phala Network

Moonriver is an Ethereum-compatible, smart-contract parachain on Kusama. It is intended to be a companion network to Moonbeam, where it will provide a permanently incentivized canary network. New code will ship to Moonriver first, where it can be tested and verified under real economic conditions. Once proven, the same code will ship to Moonbeam on Polkadot.

It does this by providing a full EVM implementation, a Web3-compatible API, and bridges that connect Moonriver to existing Ethereum networks.

This allows developers to deploy existing Solidity smart contracts and DApp frontends to Moonriver with minimal changes.

Moonriver

Clover Finance (CLV), or simply Clover, is a blockchain operating system. It provides a one-stop, easy‑to‑use blockchain infrastructure and an ethereum virtual machine (EVM) compatible framework for Substrate‑based applications.

Clover Finance, another offspring of the Substrate-based Polkadot parachain aims at bridging the compatibility gap when building and operating across blockchains.

The project was founded in May 2020 and the mainnet of Clover Finance launched in July 2021.

Bifrost is a multichain middleware platform that enables developers to create Decentralized Applications (DApps) on top of multiple protocols. Not restrained to a single blockchain, Bifrost creates a new environment where developers can combine the best protocols to develop substantially more scalable and flexible DApps.

With Bifrost, developers can write smart contracts for multiple blockchain protocols in an unified environment. They simply select the target blockchain for each part of the code, then Bifrost will transpile, compile, and deploy the code into the target blockchains at once. Developers can also easily operate their DApps and even switch the target blockchain as new and better protocols become available.

Bifrost has multiple components that allow for a seamless connection among all blockchains:

Recipe: A language application that defines the programming language of Bifrost and generates smart contract codes with guaranteed code-level flexibility.

Linker: A system that connects the user and Bifrost components, ensuring the seamless operation on top of multiple blockchains.

Builder: An Integrated Development Environment (IDE) that offers a customized environment to use the comprehensive suite of features of Bifrost.

Gourmet: An automated testing environment for Bifrost service and smart contract development, updating with the latest technologies for blockchain.

Scan: A dashboard that provides you with a full view of the internal process of Bifrost and shows your blockchain interconnectivity in diagram.

Bifrost

Handshake is a decentralized permissionless system that is intended to incentivize a distributed network of computers to operate a system for domain name ownership.

Under Handshake, every peer is tasked with validating and managing the root DNS naming zone, with the objective of providing an alternative to current certificate authorities and naming systems.

Different participants across the internet such as social networking handles and domains rely on a centralized approach. This means the systems depend on a system of honesty — and are still prone to cyber attacks and fraud.

Handshake aims to eradicate this problem by creating a decentralized internet that relies on a peer-to-peer system.

Handshake

Litentry

Energy Web Token (EWT) is the operational token behind the Energy Web Chain, a blockchain-based virtual machine designed to support and further application development for the energy sector.

Energy Web Chain was launched in June 2019. The Energy Web Foundation is the non-profit enterprise behind the project. EWT aims to bring diversity to the energy sector by allowing developers to create decentralized applications (DApps). The virtual machine has the potential to benefit actors from all areas of energetics, including grid operators, software developers, and vendors.

Energy Web Token

Axelar claims to deliver “secure cross-chain communication for Web3.” The project provides a decentralized network and tools to help builders of decentralized applications (dApps) with seamless cross-chain communication through its protocol suite, tools and APIs.

Axelar features three core components – a decentralized network, a software development kit of protocols and APIs, and a set of gateway smart contracts for cross-chain connectivity.

Powered by a decentralized network of validators, anyone can join the network, build on it, or use it. Apps builders can interact with a simple API atop a permissionless network that routes messages and ensures network security via proof-of-stake (PoS) consensus mechanism.

AXL is the native token of the Axelar network. The protocol also supports the cross-chain transfer of several native tokens via their wrapped ERC-20 versions, including AVAX (Avalanche), ETH (Ethereum), FTM (Fantom), GLMR (Moonbeam), and MATIC (Polygon).

Meanwhile, Axelar has raised capital from top-tier investors, including Binance, Coinbase Ventures, Dragonfly Capital, Polychain Capital and others.

Axelar

OCP introduces an innovative relayer mechanism that seamlessly connects applications to a modular permissionless custody protocol. OCP operates a protocol that acts akin to a mesh network, enabling an end-user to leverage a diverse set of key management protocols. We call this “Keychain Aggregation”. Building a protocol that solves for Keychain Aggregation not only simplifies the way developers can build, abstracting risk and complexity, but it also harmonizes and aggregates the economics associated with having multiple bilateral commercial relationships.

With OCP, we have a new custody primitive that embraces (1) modularity, in connecting key management solutions, and (2) decentralisation, in the way users can access key generation and transaction signing services. We are particularly excited to pioneer this, witnessing existing security and custody solutions struggle to adapt to the ongoing proliferation of chains. Additionally, with the impending tokenization of Real World Assets (RWAs) - potentially mobilizing over trillions of dollars into the blockchain ecosystem - the demand for versatile and modular solutions is clear and present.

Open Custody Protocol

Secret (SCRT) is a privacy-oriented blockchain built on Cosmos. Its smart contracts are called Secret Contracts and allow DApps to use private data on Secret, similar to how smart contracts operate on other blockchains. However, Secret Contracts transfer encrypted inputs into encrypted outputs without exposing data. This is made possible thanks to the encrypted contract states during the execution.

Data privacy is guaranteed by combining encryption protocols and key management within a Trusted Execution Environment (TEE). This allows Secret Contracts to compete for several privacy-related use cases that traditional blockchains have found difficult to accommodate. For instance, private voting mechanisms or credit scoring applications become possible since they do not expose sensitive user data on-chain with Secret.