## Wrapped LUNA Classic คืออะไร?

Wrapped LUNA Classic (WLUNC) เป็นสินทรัพย์ดิจิทัลที่สะท้อนค่าของเหรียญ Luna Classic ในแพลตฟอร์มบล็อกเชนต่างๆ ความคิดในการ "ห่อหุ้ม" นี้ช่วยให้ Luna Classic สามารถใช้งานได้ในสภาพแวดล้อมนอกเหนือจากบล็อกเชน Terra v2 ซึ่งเป็นบล็อกเชนต้นกำเนิดของมัน เพิ่มความสามารถในการทำงานร่วมกันและความยืดหยุ่นภายในระบบนิเวศของสกุลเงินคริปโตโดยรวม ในฐานะโทเค็นที่ถูกห่อหุ้ม WLUNC รักษาการผูกมัดกับค่าของ Luna Classic ต้นฉบับ เปิดโอกาสให้ผู้ใช้สามารถมีส่วนร่วมกับแอปพลิเคชันการเงินแบบกระจายอำนาจ (DeFi) สัญญาอัจฉริยะ และเครือข่ายบล็อกเชนอื่นๆ โดยไม่ต้องใช้โทเค็น Luna Classic โดยตรง

บล็อกเชน Terra v2 ซึ่งเป็นที่มาของ Luna Classic ถูกออกแบบมาเพื่อสนับสนุนเศรษฐกิจดิจิทัลที่มั่นคงและมีประสิทธิภาพ มันบรรลุเป้าหมายนี้ผ่านการใช้โทเค็น Luna Classic ที่ถูก stake เพื่อรักษาเครือข่ายผ่านกลไกการตกลงใจแบบกระจายอำนาจ บล็อกเชนนี้ยังเป็นที่รู้จักในเรื่องความสามารถในการออก stablecoins แบบอัลกอริทึมที่ผูกมัดกับสกุลเงินหลักของโลกต่างๆ เช่น TerraKRW และ TerraUSD ซึ่งมีเป้าหมายในการรักษาค่าที่มั่นคงเทียบกับสกุลเงินฟิอัตที่เกี่ยวข้อง

ผู้ที่สนใจใน Wrapped LUNA Classic สามารถซื้อมันผ่านการแลกเปลี่ยนแบบกระจายอำนาจที่เฉพาะเจาะจง โดย PancakeSwap เป็นตัวอย่างหนึ่ง หลังจากได้รับ WLUNC แล้ว สามารถใช้สำหรับวัตถุประสงค์ต่างๆ ภายในระบบนิเวศ Terra และนอก

### Wrapped LUNA Classic มีการรักษาความปลอดภัยอย่างไร?

Wrapped LUNA Classic ใช้วิธีการหลายด้านเพื่อรับประกันความปลอดภัย โดยใช้ทั้งกลยุทธ์ทางเทคโนโลยีและกลยุทธ์ที่ขับเคลื่อนโดยชุมชน หัวใจหลักของมาตรการความปลอดภัยคือการใช้กระเป๋าเงินฮาร์ดแวร์ โดยเฉพาะอุปกรณ์ Ledger ที่ได้รับการสนับสนุนซึ่งให้การป้องกันที่แข็งแกร่งต่อการเข้าถึงโดยไม่ได้รับอนุญาตและภัยคุกคามทางไซเบอร์ วิธีนี้ช่วยให้แน่ใจว่าสินทรัพย์ดิจิทัลถูกเก็บไว้ในสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัย ลดความเสี่ยงของเหตุการณ์การถูกแฮ็กได้อย่างมาก

นอกจากการรวมกระเป๋าเงินฮาร์ดแวร์แล้ว ชุมชน Wrapped LUNA Classic มีบทบาทสำคัญในการเสริมสร้างกรอบความปลอดภัยของสกุลเงินดิจิทัล การอภิปรายและข้อเสนอภายในชุมชนมุ่งเน้นไปที่การระบุและดำเนินการปรับปรุงความปลอดภัยหลายประการ ริเริ่มเหล่านี้รวมถึงการพิจารณาเพิ่ม CertiK เป็นผู้ให้บริการรู้จักลูกค้าของคุณ (KYC) ที่ได้รับการยอมรับซึ่งจะเพิ่มชั้นความปลอดภัยเพิ่มเติมโดยการรับรองว่าผู้เข้าร่วมทุกคนได้รับการตรวจสอบ นอกจากนี้ ยังมีการอภิปรายเกี่ยวกับข้อเสนอในการลด MaxBlockSize ซึ่งอาจนำไปสู่ประสิทธิภาพเครือข่ายที่ดีขึ้นและลดความเสี่ยงต่อการถูกโจมตีด้วยสแปม

มาตรการความปลอดภัยที่ขับเคลื่อนโดยชุมชนอย่างมีนัยสำคัญคือการจัดตั้งทีมหลักที่ทุ่มเทให้กับการพัฒนาเชน ทีมนี้มีหน้าที่รับผิดชอบในการดูแลความสมบูรณ์ของบล็

### Wrapped LUNA Classic จะถูกใช้อย่างไร?

Wrapped LUNA Classic ทำหน้าที่เป็นสะพานเชื่อมระหว่างบล็อกเชน Terra กับเครือข่าย Ethereum โดยมอบโอกาสและประโยชน์มากมายให้กับผู้ใช้งาน การห่อโทเค็น LUNA Classic ช่วยให้ผู้ถือสามารถใช้ประโยชน์จากความสามารถในการเคลื่อนย้ายและความยืดหยุ่นของระบบนิเวศ Ethereum ได้ ขณะที่ยังคงรักษาการลงทุนใน LUNA ของพวกเขา กระบวนการนี้ช่วยให้การผสานรวม LUNA Classic เข้ากับแพลตฟอร์มการเงินแบบกระจายอำนาจ (DeFi) บน Ethereum เป็นไปอย่างราบรื่น ขยายความสามารถใช้งานและการเข้าถึงของโทเค็น

นอกจากบทบาทใน DeFi แล้ว Wrapped LUNA Classic ยังสามารถใช้สำหรับวัตถุประสงค์ในการเดิมพันได้ ผู้ใช้สามารถเข้าร่วมกลไกการตัดสินใจของเครือข่ายโดยการเดิมพันโทเค็นของพวกเขา เพื่อช่วยเสริมความปลอดภัยและความมั่นคงของบล็อกเชน Terra การเข้าร่วมนี้ไม่เพียงแต่สนับสนุนเครือข่าย แต่ยังช่วยให้ผู้ใช้สามารถรับรางวัลได้ กระตุ้นให้มีการมีส่วนร่วมอย่างแข็งขันในระบบนิเวศ

นอกจากนี้ Wrapped LUNA Classic ยังมีการใช้งานภายในระบบนิเวศ Terra สำหรับกิจกรรมต่างๆ ตั้งแต่การทำธุรกรรมด้วย stablecoins ที่ผูกกับสกุลเงินหลักของโลกไปจนถึงการมีส่วนร่วมในแพลตฟอร์มเกม โทเค็นช่วยเพิ่มประสบการณ์ผู้ใช้โดยการมอบโอกาสมากขึ้นสำหรับการโต้ตอบและการทำธุรกรรมภายในระบบนิเวศ Terra

สำคัญสำหรับผู้ใช้ที่จะต้องทำการวิจัยอย่างละเอียดและเข้าใจถึงดินัยของ Wrapped LUNA Classic ก่อนที่จะมีส่วนร่วมในการเด

### มีเหตุการณ์สำคัญอะไรบ้างสำหรับ Wrapped LUNA Classic?

Wrapped LUNA Classic ได้ประสบกับช่วงเวลาสำคัญหลายครั้งนับตั้งแต่เริ่มต้น สะท้อนถึงการเดินทางที่เปลี่ยนแปลงไปในภูมิทัศน์ของสกุลเงินดิจิทัล ในตอนแรก โครงการได้ทำเครื่องหมายการเข้าสู่ด้วยการเปิดตัว Redluna Smart Contract บน Binance Smart Chain ซึ่งเป็นขั้นตอนสำคัญที่วางรากฐานสำหรับการดำเนินงานภายในระบบนิเวศบล็อกเชน ตามมาอย่างใกล้ชิดด้วยการก่อตั้งเว็บไซต์อย่างเป็นทางการของ Redluna ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มสำคัญสำหรับการเผยแพร่ข้อมูลและการมีส่วนร่วมของชุมชน

เพื่อเสริมสร้างการมีอยู่และการเข้าถึงของโครงการ ได้ดำเนินการอย่างกว้างขวางในการสร้างความตระหนักรู้ผ่านสื่อสังคมออนไลน์และการพัฒนาช่องทาง กลยุทธ์นี้มุ่งเน้นที่การสร้างชุมชนออนไลน์ที่แข็งแกร่งและส่งเสริมการมีส่วนร่วมในแพลตฟอร์มต่างๆ อีกหนึ่งเหตุการณ์สำคัญคือการถูกจดทะเบียนบน Azbit Exchange ซึ่งขยายการเข้าถึงไปยังผู้ลงทุนและผู้ใช้งานจำนวนมาก

การดำเนินการตามแผนการตลาดอย่างครอบคลุมมีบทบาทสำคัญในการเพิ่มความเห็นและความน่าสนใจของโครงการ ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากกระบวนการตรวจสอบสัญญาและการอัปเดตข้อมูลโทเค็นต่อมา ทำให้มั่นใจได้ถึงความโปร่งใสและความไว้วางใจในหมู่ผู้มีส่วนได้เสีย

มองไปข้างหน้า Wrapped LUNA Classic ได้วางแผนที่ทะเยอทะยานซึ่งรวมถึงการพัฒนาแพลตฟอร์มการเรียนรู้ในเมตาเวิร์ส การนำเสนอเกมและแอปพลิ



The Terra blockchain is secured through distributed consensus over native staked asset Luna, and supports the issuance of price-tracking stablecoins (TerraKRW, TerraUSD, etc.) that are pegged to major world currencies.

Wrapped LUNA Classic

Trust Wallet

MetaMask

Ethereum

Shiba Inu

Chainlink

Uniswap

UNUS SED LEO

Real Smurf Cat (ETH)

Izumi Finance

Hemule

SHOPX

TOKPIE

SPX6900

Lambda

Hoge Finance

Receive Access Ecosystem

Carbon Protocol

Frax Finance - Frax Ether

Tipcoin

Pepoclown

Digital Financial Exchange

Phemex Token

Terra is a blockchain protocol that uses fiat-pegged stablecoins to power price-stable global payments systems. According to its white paper, Terra combines the price stability and wide adoption of fiat currencies with the censorship-resistance of Bitcoin (BTC) and offers fast and affordable settlements.

Development on Terra began in January 2018, and its mainnet officially launched in April 2019. As of September 2021, it offers stablecoins pegged to the U.S. dollar, South Korean won, Mongolian tugrik and the International Monetary Fund's Special Drawing Rights basket of currencies — and it intends to roll out additional options.

On May 28, 2022, the genesis block of the new chain was launched to conduct future transactions under the name Terra (LUNA), and the original Terra Chain was rebranded as Terra Classic. The original native token — LUNA has also been renamed as LUNA Classic (LUNC). Moreover, all network stablecoins (UST, KRT, EUT) have been renamed to Terra Classic stablecoins (USTC, KRTC, EUTC). There will be no Terra stablecoins on the new chain.

There is a theory that the additional term “classic” is a reference to the Ethereum / Ethereum Classic split in 2017. According to CEO, Do Kwon, the collapse of UST in the spring of 2022 is the equivalent moment of the Ethereum’s DAO hack that took place in 2017.

Terra Classic

Kryll

Terra (LUNA) is a public blockchain protocol that emerged from Terra Classic. Terra Classic is home to the algorithmic stablecoin TerraClassicUSD (UST). It's now-renamed LUNC token collateralized UST, which crashed in a bank run in May 2022. That devalued LUNA to virtually zero and caused a launch of a new chain — resulting in Terra Classic and Terra. Read a full breakdown of the Terra crash here.

The development of Terra Classic launched in January 2018 and the blockchain launched in April 2019. It attempted to combine the price stability and wide adoption of fiat currencies with the censorship-resistance of Bitcoin (BTC) and offer fast and affordable settlements through its UST stablecoin. Terra Classic offered stablecoins pegged to the U.S. dollar, South Korean won, Mongolian tugrik, and the International Monetary Fund's Special Drawing Rights basket of currencies.

The new Terra blockchain continues the legacy of Terra Classic without the UST stablecoin. It will keep building with the help of the LUNA community dubbed “LUNAtics” and evolve the world-class UX and UI that brought Terra Classic up to second place in total value locked (TVL) at its peak. Many DApps have agreed to migrate to Terra to continue their functionality.

Terra

Amp is an open-source, decentralized protocol that provides collateral as a service. Amp is described as the new digital collateral token offering instant, verifiable assurances for any kind of value transfer. Using Amp, networks like Flexa can quickly and irreversibly secure transactions for a wide variety of asset-related use cases.

The project, which launched in 2020, aims to provide a fast, efficient, and secure transaction platform. It claims to solve a number of network problems, including slow confirmation times, price volatility and broad adoption.

Amp claims to offer a straightforward but versatile interface for verifiable collateralization through a system of collateral partitions and collateral managers.

Collateral partitions can be designated to collateralize any account, application, or even transaction, and carry balances which are directly verifiable on the Ethereum blockchain.

Collateral managers are smart contracts that can lock, release and redirect collateral in these partitions as needed in order to support value transfer activities.

Amp supports a wide variety of use cases for collateralization, and also introduces the concept of predefined partition strategies, which can enable special capabilities such as collateral models through which tokens can be staked without ever leaving their original address.

BlazerCoin

REQ is listed on Coinbase, Binance, crypto.com, KuCoin and many other exchanges.

The REQ token powers the Request Network open-source protocol via a few mechanisms: anti-spam; governance; staking; discounts; independency.

The Request (REQ) utility token, launched in 2017, ensures the performance and stability of the Request Network. The Request Network itself is an Ethereum-based decentralized payment system where anyone can request a payment and receive money through secure means. It removes the requirement for third parties in order to provide a cheaper, more secure payment solution that works with all global currencies.

The original whitepaper is available here.

When a user creates a request for payment, they define to which address the payment needs to be allocated and what the amount is. The user can also define the terms and conditions of the payment, upgrading a simple request into an invoice. Once this is completed, the user can share their request to be paid by their counterparty.

Every step is documented and stored on the Request Network, allowing everyone involved to easily keep track of all the invoices and payments for accounting purposes.

Request is also integrated with legislation across the world to remain compliant with the trade laws of each individual country.

Request

MIR is the governance token of Mirror Protocol, a synthetic assets protocol built by Terraform Labs (TFL) on the Terra blockchain.

Mirror Protocol is decentralized from day 1, with the on-chain treasury and code changes governed by holders of the MIR token. TFL has no intention of keeping or selling MIR tokens, and there are no admin keys or special access privileges granted. The intent for this is to be a completely decentralized, community-driven project.

Mirrored assets are blockchain tokens that behave like "mirror" versions of real-world assets by reflecting the exchange prices on-chain. They give traders the price exposure to real assets while enabling fractional ownership, open access and censorship resistance as any other cryptocurrency. Unlike traditional tokens which serve to represent a real, underlying asset, mAssets are purely synthetic and only capture the price movement of the corresponding asset.

Mirrored assets provide the following advantages:

Global Accessibility: In most markets outside of Europe & North America, access to foreign equities and forex markets is highly limited. Crypto allows global accessibility without entry barriers.

Fractional Orders: In traditional finance, to execute a fractional order, multiple fractional orders are bundled together to execute a unitary transaction. The process of gathering all the orders into one requires additional waiting time. By utilizing the blockchain, orders volume is simply represented as a number on the blockchain, so there is no need for the intermediary bundling process.

Nearly-Instantaneous Order Execution: Oftentimes due to the lack of liquidity (price-time-priority order book algorithm), orders can take up to a day to fully execute. Given the fact that Mirror relies on liquidity provided by each individual asset pool, orders can be executed as fast as the blocktime of the network (~ 6 seconds).

Mirror Protocol

Ampleforth Governance Token

Function X is mirroring traditional financial products on the Function X network and creating decentralized financial products and a decentralized trading system. It is a highly customizable and expandable multi-chain architecture blockchain network (subnets) that can meet different business needs.

Function X

DFI.MONEY, also known as YFII, is a fork of popular decentralized finance (DeFi) aggregator platform yearn.finance (YFI).

Launched in July 2020, it aims to optimize returns for DeFi investors while adhering to changes proposed in an upgrade plan called YIP-8.

In addition to protocol changes, DFI.MONEY has also released new products, chief among which, the Vault, it describes as its “killer product.”

The native token of DFI.MONEY is YFII, a fixed-supply token which liquidity providers earn in accordance with their network interaction.

DFI.Money

Billed as a "network of decentralized markets and communities," district0x is a platform that allows users to easily launch their own decentralized platforms which are governed by a decentralized autonomous organization (DAO) structure.

Each of these platforms is termed a “district” and can be launched free of charge on the district0x. The ecosystem is powered by the custom d0xINFRA framework, which provides a set of basic smart contracts and libraries users can use when building out their districts — enabling a wide array of potential use-cases.

The native token of the district0x ecosystem is DNT — an ERC-20 utility token that is mostly used for community governance.

The platform uses a combination of three main technologies: Ethereum, Aragon and the InterPlanetary File Transfer Protocol (IPFS).

The Ethereum blockchain is used for hosting districts, whereas Aragon is used as the governance layer for the district0x network, allowing DNT stakers to benefit from governance rights and help shape the development and operation of their chosen districts. Lastly, IPFS is used for serving the district0x website source code and for user uploads within districts.

district0x

Augur

PolySwarm

Spell Token (SPELL) is a reward token associated with abracadabra.money, a lending platform that uses interest-bearing tokens (ibTKNs) as collateral to borrow a USD-pegged stablecoin called Magic Internet Money (MIM). Abracadabra uses the Kashi Lending Technology pioneered by SushiSwap (SUSHI) to provide isolated lending markets that allow users to adjust their risk tolerance according to the collateral they decide to use. Users can deposit collateral and borrow MIM against it. Abracadabra also offers yield farming opportunities, where users can stake their liquidity provider (LP) tokens to farm SPELL. This facilitates better liquidity for certain cryptocurrency pairs, currently Ether (ETH)-Spell Token (SPELL) and Magic Internet Money (MIM)-LP 3pool Curve (3CRV). Furthermore, users can also open leveraged farming positions using borrowed MIM from their interest-bearing collateral.

Spell Token

SHIB is a decentralized, community-led currency held by millions across the globe. Since its inception in late 2020, the Ethereum-based SHIB token has grown to become a worldwide phenomenon, and is now accepted as a form of payment at hundreds of locations, either directly or through third-party intermediaries.

Shiba Inu coin was created anonymously in August 2020 under the pseudonym "Ryoshi." Ryoshi says about himself that he is a nobody and not important and that the efforts to unmask his identity, even if successful, would be underwhelming.

This meme coin quickly gained speed and value as a community of investors was drawn in by the cute charm of the coin paired with headlines and tweets from personalities like Elon Musk and Vitalik Buterin.

Since release SHIB now trades on the ecosystem's proprietary DEX, ShibaSwap.

Harvest Finance

Rally

JasmyCoin (JASMY) is a cryptocurrency project of a Tokyo-based Internet of Things (IoT) provider Jasmy Corporation. As a system, the Internet of Things includes mechanical and digital elements endowed with an identifier and the ability to transmit data. The IoT company Jasmy specializes in buying/selling data, and the Jasmy platform connects two categories: service providers and data users.

The Jasmy platform was built to restore and protect the sovereignty of individual data by combining IoT technology with blockchain technology and giving users full control over their personal information. The main goal of the project is to establish a secure environment on the platform where users can exchange data in a trustless manner between IoT devices (computers, cars, phones) and decentralized protocols.

The mission of Jasmy developers is to create an environment by shaping an infrastructure where users can easily, safely and smoothly use data. As a result, Jasmy aims to provide its users with a powerful infrastructure, an intuitive interface and a secure environment for storing and sharing data. In the Jasmy space, information can be transformed into personal assets.

Jasmy decentralizes the workflow with edge computing and storing data on IPFS (InterPlanetary File System). The philosophy of the project is based on the democratization of data using a decentralized model, where data is securely protected and owned by an owner, and service providers get the opportunity to promote their services/business using data (owned by users).