## WazirX คืออะไร?

WazirX ถือเป็นแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนสกุลเงินดิจิทัลชั้นนำที่ก่อตั้งขึ้นในปี 2018 โดยมีรากฐานอยู่ในอินเดียอย่างมั่นคง แพลตฟอร์มนี้ได้เติบโตอย่างรวดเร็วจนกลายเป็นหนึ่งในแพลตฟอร์มชั้นนำของประเทศสำหรับการซื้อขายสกุลเงินดิจิทัล โดยให้บริการผู้ใช้จำนวนมากด้วยอินเทอร์เฟซที่ใช้งานง่ายและคุณสมบัติหลากหลายที่ออกแบบมาเพื่อเพิ่มประสบการณ์การซื้อขาย แพลตฟอร์มนี้รองรับการซื้อขาย การซื้อ และการขายสกุลเงินดิจิทัลมากกว่า 80 สกุล เพื่อให้ผู้ใช้มีตัวเลือกหลากหลายในการกระจายพอร์ตการลงทุน

หนึ่งในคุณสมบัติหลักของ WazirX คือการรวมเข้ากับระบบนิเวศของ Binance ซึ่งช่วยขยายขอบเขตและความสามารถของมันอย่างมาก ความร่วมมือนี้ได้ส่งเสริมคุณสมบัติเช่นตัวเลือกการฝากและถอนเงินรูปีอินเดีย (INR) ทันที ทำให้ผู้ใช้สามารถทำธุรกรรมด้วยสกุลเงินฟิอัตได้อย่างสะดวกสบาย นอกจากนี้ แพลตฟอร์มยังมี Smart Token Fund ซึ่งเชื่อมต่อนักลงทุนกับผู้ค้าที่มีประสบการณ์เพื่อจัดการการลงทุนสกุลเงินดิจิทัลอย่างมีประสิทธิภาพ และเครื่องยนต์ Peer-to-Peer (P2P) ที่จับคู่อัตโนมัติครั้งแรกของโลกที่รับประกันความสามารถในการให้สภาพคล่องสูงสำหรับผู้ใช้

โทเค็นยูทิลิตี้ของแพลตฟอร์ม WRX มีบทบาทสำคัญภายในระบบนิเวศ โดยอิงจากบล็อกเชนของ Binance WRX มีอุปทานรวม

### WazirX มีความปลอดภัยอย่างไร?

เพื่อให้แน่ใจว่าความปลอดภัยและความมั่นคงของบัญชีผู้ใช้และธุรกรรมของพวกเขา, WazirX ได้ใช้วิธีการรักษาความปลอดภัยที่หลากหลาย ซึ่งรวมถึงการใช้การตรวจสอบสิทธิ์สองปัจจัย (2FA) ซึ่งเพิ่มชั้นความปลอดภัยเพิ่มเติมนอกเหนือจากชื่อผู้ใช้และรหัสผ่าน ผู้ใช้จำเป็นต้องยืนยันตัวตนผ่านวิธีการที่สอง เพื่อให้แน่ใจว่ามีเพียงพวกเขาเท่านั้นที่สามารถเข้าถึงบัญชีของตนได้

นอกจากนี้, WazirX ยังใช้การเข้ารหัสแบบ end-to-end เพื่อปกป้องข้อมูลที่แลกเปลี่ยนระหว่างผู้ใช้และแพลตฟอร์ม โดยให้แน่ใจว่าการสื่อสารทั้งหมดนั้นปลอดภัยและไม่สามารถถูกดักจับโดยบุคคลที่สามได้ การเข้ารหัสนี้ครอบคลุมข้อมูลที่ละเอียดอ่อนทั้งหมด ช่วยปกป้องรายละเอียดส่วนบุคคลและการเงินของผู้ใช้

มีการนำมาตรการความโปร่งใสมาใช้เพื่อสร้างความเชื่อมั่นกับผู้ใช้ มาตรการเหล่านี้ช่วยให้ผู้ใช้มีความเข้าใจอย่างชัดเจนเกี่ยวกับวิธีการใช้ข้อมูลของพวกเขาและการดำเนินงานของแพลตฟอร์ม ส่งเสริมระบบนิเวศที่โปร่งใส

นอกจากโปรโตคอลความปลอดภัยภายในเหล่านี้, WazirX ยังได้รวมเครื่องมือนิติวิทยาศาสตร์จากบุคคลที่สามเพื่อตรวจสอบและวิเคราะห์ธุรกรรมสำหรับกิจกรรมที่น่าสงสัย วิธีการนี้ช่วยในการระบุและลดความเสี่ยงของภัยคุกคามที่อาจเกิดขึ้นก่อนที่จะส่งผลกระทบต่อผู้ใช้

แพลต

### WazirX จะถูกใช้อย่างไร?

WazirX ทำหน้าที่เป็นแพลตฟอร์มหลายหน้าที่ภายในระบบนิเวศของสกุลเงินดิจิทัล ตอบสนองความต้องการที่หลากหลายตั้งแต่การซื้อขายไปจนถึงการทำโทเค็นสินทรัพย์ มันให้สภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยสำหรับการเก็บรักษาสินทรัพย์ดิจิทัล โดยรวมถึงคุณสมบัติเช่นการตรวจสอบสองปัจจัยและการเข้ารหัสตั้งแต่ต้นจนจบเพื่อรับประกันความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวของข้อมูลและการทำธุรกรรมของผู้ใช้ แพลตฟอร์มนี้ส่งเสริมการซื้อ ขาย และการซื้อขายสกุลเงินดิจิทัล โดยเสนอการเลือกโทเค็นที่หลากหลายมากกว่า 80 โทเค็นสำหรับผู้ใช้ที่จะมีส่วนร่วม

นอกเหนือจากฟังก์ชันการซื้อขายพื้นฐาน WazirX ขยายความสามารถของมันผ่านคุณสมบัตินวัตกรรมเช่น Smart Token Fund ซึ่งเชื่อมต่อนักลงทุนกับผู้ค้าที่มีประสบการณ์เพื่อจัดการพอร์ตการลงทุนสกุลเงินดิจิทัลของพวกเขาอย่างมีประสิทธิภาพ คุณสมบัตินี้เป็นประโยชน์โดยเฉพาะสำหรับผู้ที่ใหม่ต่อพื้นที่คริปโตหรือผู้ที่ต้องการปรับปรุงกลยุทธ์การซื้อขายของพวกเขา

การรวมกับระบบนิเวศของ Binance เพิ่มความสามารถในการเสนอของแพลตฟอร์ม ให้ผู้ใช้มีความยืดหยุ่นและตัวเลือกเพิ่มเติม เช่น การเข้าสู่ระบบผ่าน Binance และการมีส่วนร่วมในการแจกโทเค็น airdrops, การซื้อขายด้วยเลเวอเรจ และการเพลิดเพลินกับส่วนลดค่าธรรมเนียมการซื้อขายผ่านการใช้โทเค็น WRX โทเค็น WRX

### เหตุการณ์สำคัญใดบ้างที่เกิดขึ้นกับ WazirX?

WazirX ได้ประสบกับหลายเหตุการณ์สำคัญนับตั้งแต่เริ่มต้น ซึ่งสะท้อนถึงการเติบโตและวิวัฒนาการในพื้นที่ของสกุลเงินดิจิทัล หลังจากเปิดตัวในปี 2018 มันได้กลายเป็นแพลตฟอร์มที่โดดเด่นภายในตลาดคริปโตของอินเดียอย่างรวดเร็ว ดึงดูดฐานผู้ใช้จำนวนมากด้วยคุณสมบัติที่เป็นมิตรกับผู้ใช้และเทคโนโลยีที่แข็งแกร่ง

หนึ่งในช่วงเวลาสำคัญสำหรับ WazirX คือการถูกซื้อกิจการโดยแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนสกุลเงินดิจิทัลระดับโลกในปี 2019 การเคลื่อนไหวนี้ไม่เพียงแต่เน้นคุณค่าและศักยภาพของ WazirX ภายในอุตสาหกรรมเท่านั้น แต่ยังช่วยให้สามารถรวมเข้ากับระบบนิเวศที่ใหญ่ขึ้น ทำให้สามารถเพิ่มข้อเสนอและขยายการเข้าถึงได้

แพลตฟอร์มได้ขยายบริการและคุณสมบัติอย่างต่อเนื่องเพื่อตอบสนองความต้องการที่หลากหลายของผู้ใช้ การเปิดตัวแพลตฟอร์มการซื้อขายแบบ Peer-to-Peer (P2P) ถือเป็นการปรับปรุงที่สำคัญ ให้ผู้ใช้สามารถซื้อขายสกุลเงินดิจิทัลกับกันและกันได้อย่างราบรื่น นอกจากนี้ การรวมตัวเลือกการเข้าสู่ระบบผ่านบริการเว็บยอดนิยมทำให้การเข้าถึงสะดวกขึ้น สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของแพลตฟอร์มต่อประสบการณ์ผู้ใช้

WazirX ยังคงเป็นผู้นำในการรับรองสภาพแวดล้อมการซื้อขายที่ปลอดภัยและเป็นไปตามกฎหมาย การดำเนินการตามนโยบายป้องกันการฟอกเงิน (AML) และป้องกันการสนับ



Best Cryptocurrency Exchanges in India 

Launched in 2018, WazirX claims to be India's fastest growing cryptocurrency exchange with over 400,000 users, with an average app rating of 4.6. WazirX is a part of the Binance ecosystem. WazirX and Binance have launched a $50 Million USD ‘Blockchain For India’ fund. The exchange is available for the global audience, and key features include:

- Instant INR (fiat) deposit and withdrawal options
- Smart Token Fund to help crypto investors find expert traders, and let them manage their cryptocurrency portfolio
- World’s first auto-matching P2P engine with high liquidity
- 80+ tokens
- Login via Binance option

WRX is the utility token of WazirX. WRX token is based on the Binance blockchain. Its total supply is 1 Billion. The token holders will be rewarded with various benefits on the trading exchange like trading fee discounts, WRX trade mining, token airdrop, margin fee, and more. WRX and WRX are backed by Indian entrepreneurs with over 10 years of experience in building and scaling global products out of India. WazirX was also acquired by Binance in November 2019. The goal of WazirX is to make crypto accessible to everyone in India.

Binance

WazirX

MetaMask

Binance Chain Wallet

Atomic wallet

BNB Beacon Chain (BEP2)

FTX Token

Contentos

TROY

ShareToken

Mithril

GoWithMi

Atlas Protocol

Ormeus Ecosystem

Aeron

Newton

WINkLink

Reef is a Reliable Extensible Efficient Fast Layer-1 Blockchain for DeFi, NFT & Gaming. Built using Substrate Framework, it provides high scalability, enabling almost instant low-cost transactions, and supports Solidity and EVM, allowing developers to seamlessly migrate their DApps from Ethereum without any change in the codebase.

Reef Chain is the most advanced EVM-compatible blockchain. It's self-upgradable and has on-chain governance. Its infrastructure also allows for EVM extensions which allows for native token bridge, scheduled calls (ie. recurring payments), and smart contract in-place code upgrades. In the near future, it will support additional VMs which will allow developers to write code in multiple programming languages. The network runs on a Nominated Proof-of-Stake (NPoS) consensus mechanism, which offers scalability and low fees.

REEF is the native token that is used for:

Fees for processing transactions and storing data.

Running validator nodes by staking REEF tokens.

Nominating which validator nodes should be part of the network.

Reef is backed by multiple leading funds and venture capitalists including NGC, QCP, Bitcoin.com, Kenetic Capital, LD Capital, TRG Capital, Krypital Group, Genesis Block, Woodstock Fund and others.

Reef Chain development tools include:

Remix and EVM integrated development environments for uploading and deploying smart contracts.

Reefscan blockchain explorer to assist with deploying validators, bonding and nominating validators, debugging contracts, and understanding network performance.

Reef command line tools that allow developers deploy applications from local environments.

Reef wallet for accessing and interacting with the blockchain

Reef

Ontology is a project designed to bring trust, privacy, and security to Web3 through decentralized identity and data solutions. It is building the infrastructure to provide trusted access to Web3, allowing individuals and enterprises to rest assured that through regulatory compliant digital identity solutions, users and their privacy come first.

The Ontology blockchain is a high speed, low cost public blockchain. It is designed to bring decentralized identity and data solutions to Web3, with the goal of increasing privacy, transparency, and trust. To achieve this, users and enterprises are provided with the flexibility to build blockchain-based solutions that suit their needs, while also ensuring regulatory compliance. Through Ontology’s Ethereum Virtual Machine (EVM), Ontology ensures frictionless compatibility with Ethereum, the first step in the creation of the Ontology Multi-Virtual Machine and further interoperability for the chain.

At its launch, Ontology chose to forego the popular initial coin offering (ICO) model in favor of a series of community distributions and airdrops of its ONT cryptocurrency.

This helped to quickly establish both organic price discovery and a passionate community and helped the project to avoid subsequent regulatory scrutiny.

For example, for a brief period any person who signed up for the Ontology newsletter received an airdrop of free 1,000 ONT, which reached a value of $10 per token soon after the token became listed on major exchanges like Binance.

Ontology launched its own MainNet on June 30, 2018 and has been up and running smoothly since.

Ontology

Ardor

Siacoin (SC) is the native utility token of Sia, a blockchain-based distributed, decentralized cloud storage platform. Sia acts as a secure, trustless marketplace for cloud storage in which users can lease access to their unused storage space. Agreements and transactions are enforced with smart contracts, and Siacoin is the medium of exchange for paying for storage on the network. The main goal of the project is to become the "backbone storage layer of the internet."

Sia was originally announced in May 2014 before being revised and re-announced a year later in May 2015. It officially launched in June 2015.

Siacoin

Launched in 2017, Dent is a revolutionary digital mobile operator offering eSIM cards, mobile data plans, call minutes top-ups and a roaming-free experience. According to the company website, Dent employs blockchain technology’s powers to create a global marketplace for mobile data liberalization.

Dent has an ambitious roadmap ahead, with plans to expand its services to new markets by the end of 2021. The company has already attracted more than twenty-five million mobile device users, and Dent services are available in more than 140 countries. Enterprise partnerships for Dent include Samsung Blockchain, The Enterprise Ethereum Alliance and Telecom Infra.

Dent

Verge is a privacy-focused cryptocurrency and blockchain that seeks to offer a fast, efficient, decentralized payments network that improves upon the original Bitcoin (BTC) blockchain. It includes additional privacy features including integrating the anonymity network Tor into its wallet, called vergePay, and providing the option of sending transactions to stealth addresses.

The project describes itself as community-driven, relying on volunteers and priding itself on being open source.

Verge was first launched in October 2014 as DogeCoinDark, a fork of Peercoin (PPC). In February 2016, it was renamed Verge in order to rebrand for easier mass-market adoption and to distinguish itself from Dogecoin (DOGE), with which it has no direct connection. The project is now based on the Bitcoin source code.

Verge

NEM is a blockchain platform that was launched in March of 2015. It was one of the pioneers of the cryptocurrency industry, and sought to improve on the imperfections found on other chains at the time. It was one of the first non-turing complete chains to feature user-defined tokens (called mosaics), namespaces, multisignature accounts, and a P2P reputation system based on EigenTrust++. Its most notable contribution to the space is the proof-of-importance consensus mechanism, which sought to reward on-chain activity and deter the concentration of wealth commonly associated with proof-of-stake. Its client, NIS, is written in Java.

NEM has a global community. It sees the most utility as an alternative form of payment for businesses and vendors, and has a variety of social media apps built on top of it in Japan, such as nemgraph, a community-driven owned and operated alternative to Instagram.

In December 2021, NEM was hard forked by a pseudonymous team of cryptocurrency experts and enthusiasts alike. Titled Harlock, this hard fork signaled the community’s intent to take NEM from a shadow of its former self into the world’s leading payments platform for on-chain and off-chain media content.

IOST describes itself as an “ultra-fast,” fully fledged and decentralized blockchain network and ecosystem with its own nodes, wallets and based on the “next-generation” consensus protocol dubbed “proof-of-believability.”

IOST

SafePal is a cryptocurrency wallet launched in 2018 that helps users to protect and grow their digital assets. SafePal provides hardware and software wallets, all paired and managed through the SafePal App and was the first hardware wallet invested in and backed by Binance.

SafePal wallet supports numerous popular crypto-assets, in addition to popular tokens on the Ethereum, Binance Smart Chain (BSC)and TRON blockchains. Users can store, manage, swap, trade and grow their portfolio without compromising asset security, according to SafePal.

Since its launch in 2018, SafePal has grown exponentially and has over 3,000,000 users in 196 countries globally. More information can be found in the SafePal Official Website.

SafePal

Alien Worlds (TLM) is a decentralized, non-fungible token (NFT) metaverse, where players compete for scarce resources, Trilium (TLM), in a stimulated economy centered around planetary worlds. Due to this, Alien Worlds also has a decentralized finance (DeFi) element to the game, as players advance by staking TLM and using TLM to vote in Planet Decentralized Autonomous Organizations (DAOs).

Play-to-earn (P2E) NFT games have seen an exponential rise in popularity and value this year. Alien Worlds allow the players, called “explorers” to earn monetary rewards through gameplay or participation in Planet DAOs. By mining in Alien Worlds, a user is rewarded with the native, in-game currency — Trilium (TLM) or NFT packs. Players can stake TLM to boost their rewards or battle with other users for NFTs.

To date, Alien Worlds has established a fair amount of its roadmap, having TLM on Binance launchpad and farming period of TLM on Binance Launchpool. A large portion of game developments have been forged as well. Moving forward, Alien Worlds aims to automate the claiming process of daily allocation to landowners in the game. Artifacts NFTs are soon to be released, and future plans include NFT interoperability.

Alien Worlds

DODO is a DeFi protocoldecentralized finance (DeFi) protocol and on-chain liquidity provider whose unique proactive market maker (PMM) algorithm aims to offer better liquidity and price stability than automated market makers (AMM).

The PMM pricing mechanism, which mimics human trading, utilizes oracles to gather highly accurate market prices for assets. It then provides enough liquidity close to these prices in order to stabilize the portfolios of liquidity providers (LP), lower price slippage and negate impermanent loss by allowing arbitrage trading as reward.

DODO also caters for new crypto projects with a free ICO listing through its Initial DODO Offering (IDO) which requires issuers to only deposit their own tokens.

DODO’s smart contract operates as an ERC20 token on the Ethereum network.

DODO

The 1inch Network unites decentralized protocols whose synergy enables the most lucrative, fastest, and protected operations in the DeFi space.

The 1inch Network's first protocol is a decentralized exchange (DEX) aggregator solution that searches deals across multiple liquidity sources, offering users better rates than any individual exchange. The 1inch Aggregation Protocol incorporates the Pathfinder algorithm for finding the best paths across over 400+ liquidity sources on 12 chains: Ethereum, BNB Chain, Polygon, Avalanche, Optimism, Arbitrum, Fantom, Gnosis Chain, Klaytn, Aurora, zkSync and Base.

In just over two years the 1inch DEX aggregator has reached 1M users and surpassed $150B in overall volume on the Ethereum network alone.

The 1inch Limit Order Protocol facilitates the most innovative and flexible limit order swap opportunities in DeFi. The protocol’s features, such as dynamic pricing, conditional orders, and extra RFQ support, power various implementations, including stop-loss and trailing stop orders, as well as auctions.

The 1inch Wallet is a multichain mobile platform that provides an easy-to-navigate interface with secure storing, transaction, and staking capabilities. This versatile wallet was built from the ground up to streamline interacting with 1inch’s features.

The 1INCH token is the governance and utility token of the 1inch Network. 1INCH holders can stake their tokens to participate in the 1inch Network's DAO governance, including the 1inch DAO Treasury management. Also, holders can choose resolvers and earn a part of their fees.

With the 1inch Fusion, users can stake 1INCH tokens to receive Unicorn Power (UP), then subsequently delegate their UP to any 1inch Fusion Resolver to start receiving rewards from them. When staking, there is the option to set a custom or preset lock period. User’s st1INCH tokens cannot be unstaked/withdrawn without penalty until the designated lock period expires.

In December 2020, 1inch raised $12 million in Series A funding, led by Pantera Capital, with others including ParaFi Capital, Blockchain Capital, Nima Capital, and Spartan Group. The funding round was conducted through a SAFT (simple agreement for future tokens) sale.

In December 2021, 1inch has closed a $175 million Series B round, led by Amber Group. Among about 50 investors that participated in the funding event are Jane Street, VanEck, Fenbushi Capital, Alameda Research, Celsius, Nexo, Tribe Capital and Gemini Frontier Fund.

1inch Network

Chromia is a modular, relational blockchain platform that aims to make it easy for people to build decentralized applications (DApps). It was founded by ChromaWay, a company that has been working on blockchain solutions since 2014 for various sectors such as finance, real estate, gaming and public services. ChromaWay is also known for creating colored coins, which are user-defined assets on a blockchain that can represent anything from currencies to stocks to collectibles.

Chromia’s vision is to enable a new generation of DApps that can scale beyond what is currently possible and address real-world problems in various domains such as gaming, social media, finance, healthcare, education, governance, and more.

Some examples of DApps on Chromia include: My Neighbor Alice (ALICE), a multiplayer blockchain game; LAC PropertyChain, a land registry system; Green Assets Wallet, a platform for green bond verification; Hedget (HGET),  a decentralized options protocol; Corite (CO), a music streaming service; Chain of Alliance (COA), a strategy game; Vault12, a digital asset custody solution; Domenation, a blockchain gaming project.

Chromia

Venus is an algorithmic money market and synthetic stablecoin protocol launched exclusively on Binance Smart Chain (BSC).

The protocol introduces a simple-to-use crypto asset lending and borrowing solution to the decentralized finance (DeFi) ecosystem, enabling users to directly borrow against collateral at high speed while losing less to transaction fees. In addition, Venus allows users to mint VAI stablecoins on-demand within seconds by posting at least 200% collateral to the Venus smart contract.

VAI tokens are synthetic BEP-20 token assets that are pegged to the value of one U.S. dollar (USD), whereas XVS tokens are also BEP-20-based, but are instead used for governance of the Venus protocol, and can be used to vote on adjustments—including adding new collateral types, changing parameters and organizing product improvements.

The governance of the protocol is entirely controlled by XVS community members, since the Venus founders, team members and other advisors do have any XVS token allocations.

Venus

SXP is the native utility token of the Solar blockchain. Users can stake it to secure the network and earn rewards, and pay transaction fees on the Solar blockchain. They can also help govern the Solar blockchain by proposing and voting on changes to the protocol, and earn rewards for providing liquidity. Additionally, Solar DApps use SXP as their primary currency.

Solar

JUST is a popular new decentralized finance (DeFi) ecosystem built for the TRON blockchain. It is an entire suite of products that are mostly centered around a decentralized stablecoin lending platform known as JustStable.

The platform launched in August 2020 following an initial exchange offering (IEO) on the Poloniex LaunchBase platform earlier that same year, but the native governance token of the platform (JST) has been circulating since May 2020.

It is a two-token ecosystem built around the USDJ and JUST (JST) tokens. USDJ is a multi-collateral stablecoin that has its value pegged to the value of the US dollar (USD), whereas JST has a variety of functions on the platform — paying interest, helping maintain the platform and participating in its governance, helping to set parameters like interest rates (stability fees) and the minimum collateralization ratio.

To obtain USDJ on JUST, traders need to deposit collateral in the form of supported collateral tokens — including TRON (TRX), which are exchanged to PTRX tokens and locked as collateral forming a collateralized debt position (CDP). Depending on the amount of collateral deposited, users can then mint and withdraw USDJ, which must later be repaid to retrieve the initial collateral.

The platform is designed to provide a fair and borderless hub of DeFi products, that any TRON user can access.

JUST

Holo is a peer-to-peer distributed platform for hosting decentralized applications built using Holochain, a framework for developing DApps that does not require the use of blockchain technology. The goal of Holo is to serve as a bridge between the broader internet and apps built using Holochain, offering an ecosystem and marketplace in which DApps are easily accessible, as they are hosted on the internet by Holo network participants.

The Holo network will be facilitated using a token called HoloFuel, which is actively being tested and will act as an accounting system to pay hosts for their services. In 2018, the project minted an ERC-20 token, HOT — also known as HoloToken — as an "IOU" that will be redeemable for HoloFuel upon launch.

Holo is still in development and is expected to launch for open alpha and beta testing by 2021.

Holo

Stella is the leveraged strategies protocol with 0% cost to borrow. Stella’s mission is to redefine how leveraged DeFi works. DeFi needs a good leverage system in order to drive more usages on DEXes and money markets, the fundamental building blocks of DeFi. With growing usages on these fundamentals, more protocols and new innovations can arise and tap into the deep liquidity and robust foundation.

Stella strives to become the go-to destination for DeFi users to access maximum yield potential. Whatever on-chain strategies that users want to use on leverage (and safe enough to be supported), then Stella will support at 0% cost to borrow.

The protocol is made up of two parts: Stella Strategy and Stella Lend.

Stella Strategy: Users can access multiple selections of leveraged strategies with 0% borrowing interest for the first time and get yields on leverage.

Stella Lend: Lenders can lend assets to the lending pools on Stella and get real yields. Yields generated from Stella Strategy are shared to lenders.

Stella

NKN (NKN), or New Kind of Network, is a network that focuses on creating a decentralized and open-source network protocol for public blockchain-based peer-to-peer (P2P) networks to share network bandwidth and internet connectivity. Its main objective is to address the challenges faced by today's internet, such as centralization, scalability issues and security concerns.