## Skey Network คืออะไร?

Skey Network เป็นระบบนิเวศบล็อกเชนที่เป็นผู้นำในการเชื่อมโยงระหว่างเทคโนโลยีบล็อกเชนกับการประยุกต์ใช้ในโลกแห่งความจริง โดยยืนอยู่ในแนวหน้าของการผสานรวมการเงินแบบกระจายอำนาจ (DeFi) กับอินเทอร์เน็ตของสิ่งต่างๆ (IoT) สร้างคอนเซปต์ใหม่ที่เรียกว่า 'Blockchain of Things' (BoT) วิธีการนี้ช่วยให้สามารถทำการโทเค็นไนซ์สินทรัพย์ในโลกแห่งความจริง (RWA) บนบล็อกเชนได้ ทำให้แต่ละวัตถุมี Non-Fungible Token (NFT) ที่ไม่เหมือนใครของตัวเอง กระบวนการนี้เปลี่ยนแปลงวิธีการมองการเป็นเจ้าของและการจัดการสินทรัพย์ในยุคดิจิทัล นำเสนอแบบแผนใหม่สำหรับการโต้ตอบ การจัดการ และการเข้าใจสินทรัพย์

แพลตฟอร์มนี้ถูกออกแบบมาเพื่อให้บริการที่รวดเร็ว สามารถขยายได้ และมีต้นทุนที่มีประสิทธิภาพสำหรับการพัฒนาผลิตภัณฑ์ บริการ และแอปพลิเคชันที่เป็นมิตรกับผู้ใช้ Skey Network มีส่วนร่วมอย่างแข็งขันในการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ๆ รวมถึง IoT และ NFTs เพื่อเพิ่มคุณภาพของข้อเสนอและขยายผลกระทบของมันในหลายภาคส่วน เทคโนโลยีของ Skey Network มีบทบาทสำคัญในการพัฒนาเมืองอัจฉริยะ โดยช่วยในการผสานรวมและการปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานและระบบการจราจรในเมืองภายในระบบนิเวศ IoT ด้วยการใช้เทคโนโลยีบล็อกเชน Skey Network มุ่งหวังที่จะบรรลุประสิทธิภาพและความยั่งยืนที่ไม่มีใครเทียบได้ในการพัฒนาเมือง

นอกจากนี้ Skey Network ย

### Skey Network มีการรักษาความปลอดภัยอย่างไร?

Skey Network ใช้วิธีการหลายด้านเพื่อรับประกันความปลอดภัยของตน โดยใช้ประโยชน์จากจุดแข็งของเทคโนโลยีบล็อกเชนร่วมกับกรอบการรักษาความปลอดภัยที่แข็งแกร่ง กรอบการทำงานนี้รวมถึงโปรโตคอลขั้นสูง เช่น IPsec, SSL, TLS และโปรโตคอล Kerberos ซึ่งออกแบบมาเพื่อปกป้องการส่งข้อมูลและตรวจสอบผู้ใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยการผสานโปรโตคอลเหล่านี้ Skey Network จึงสามารถให้สภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยสำหรับผู้ใช้ รับประกันว่าความสมบูรณ์ของข้อมูลและความเป็นส่วนตัวได้รับการรักษา

นอกจากนี้ การยึดถือกฎหมายของสหภาพยุโรปของ Skey Network เพิ่มชั้นความปลอดภัยและการปฏิบัติตามกฎหมายเพิ่มเติม รับประกันว่าแพลตฟอร์มดำเนินการภายใต้กรอบกฎหมายและมาตรฐานที่กำหนดโดยหนึ่งในหน่วยงานกำกับดูแลที่เข้มงวดที่สุดในโลก การปฏิบัติตามกฎหมายนี้มีความสำคัญสำหรับการปกป้องผู้ใช้และทรัพย์สินของพวกเขา รวมถึงการสร้างความไว้วางใจในการดำเนินงานของแพลตฟอร์ม

แนวทางนวัตกรรมของแพลตฟอร์มที่ผสมผสานการเงินแบบกระจายอำนาจ (DeFi) กับอินเทอร์เน็ตของสิ่งต่างๆ (IoT) เพื่อสร้าง 'Blockchain of Things' (BoT) นำเสนอแนวคิดใหม่ในการทำให้สินทรัพย์ในโลกจริง (RWA) เป็นโทเค็น ทำให้แต่ละวัตถุมีโทเค็น NFT ที่ไม่ซ้ำใคร ซึ่งเปลี่ยนแปลงการจัดการและการเป็นเจ้าของสินทรัพย์ในยุคดิจิทัล โดยการใช้เทคโนโล

### Skey Network จะถูกใช้อย่างไร?

Skey Network พร้อมที่จะปฏิวัติวิธีที่เราโต้ตอบกับโลกดิจิทัลและโลกแห่งความเป็นจริงโดยใช้พลังของเทคโนโลยีบล็อกเชน แพลตฟอร์มนี้อยู่ในแนวหน้าของการผสานรวมการเงินแบบกระจายอำนาจ (DeFi) กับอินเทอร์เน็ตของสิ่งต่างๆ (IoT) สร้างสิ่งที่เรียกว่า 'Blockchain of Things' (BoT) วิธีการนวัตกรรมนี้ช่วยให้สามารถรวมทรัพย์สินในโลกแห่งความเป็นจริงเข้ากับระบบนิเวศดิจิทัลได้อย่างราบรื่นผ่านการทำให้เป็นโทเค็น ซึ่งทรัพย์สินแต่ละรายการสามารถแทนที่ด้วยโทเค็นที่ไม่ซ้ำใคร (NFT)

ประโยชน์ของ Skey Network กว้างขวางและหลายมิติ ออกแบบมาเพื่อส่งเสริมการสร้างผลิตภัณฑ์ที่ปรับเปลี่ยนได้ บริการ และแอปพลิเคชันที่ใช้งานง่าย ปลอดภัย และสะดวก Skey Network ให้ทางเข้าสู่การเงินแบบกระจายอำนาจ ช่วยให้ผู้ใช้สามารถเข้าถึงบริการทางการเงินหลากหลายโดยไม่ต้องพึ่งพาตัวกลางทางการเงินแบบดั้งเดิม ทำให้ลดค่าใช้จ่ายและเพิ่มประสิทธิภาพ

นอกจากนี้ การใช้งาน Skey Network ยังขยายไปถึงการพัฒนาเมืองอัจฉริยะ ช่วยให้สามารถรวมและปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานและระบบการจราจรในเมืองภายในระบบนิเวศ IoT ได้ การใช้เทคโนโลยีบล็อกเชนช่วยให้มั่นใจได้ถึงประสิทธิภาพ ความปลอดภัย และความยั่งยืนที่ไม่เหมือนใคร ความสามารถของแพลตฟอร์มในการทำให้ทรัพย์สินในโลกแห่งความเป็นจริงเป็นโทเค็นและจัดการบ

### เหตุการณ์สำคัญใดบ้างที่เกิดขึ้นกับ Skey Network?

Skey Network ได้ทำเครื่องหมายการมีอยู่ของตนในภูมิทัศน์ของบล็อกเชนและสกุลเงินดิจิทัลผ่านการเคลื่อนไหวทางกลยุทธ์และความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีหลายอย่าง แพลตฟอร์มนี้ได้ผสานรวมและทดสอบโซลูชันนวัตกรรมที่ออกแบบมาเพื่อเชื่อมโยงระหว่างการเงินแบบกระจายอำนาจ (DeFi) และอินเทอร์เน็ตของสิ่งต่างๆ (IoT) การผสานรวมนี้ ซึ่งรู้จักกันในชื่อ 'Blockchain of Things' (BoT) เป็นแนวคิดนำหน้ายุคที่ช่วยให้การทำโทเค็นของสินทรัพย์ในโลกจริง (RWA) เป็นไปได้ ทำให้แต่ละวัตถุมีโทเค็น NFT ที่ไม่เหมือนใครของตนเอง วิธีการนี้ได้ปฏิวัติการจัดการและการเป็นเจ้าของสินทรัพย์ภายในระบบนิเวศดิจิทัล

ในการเดินทางของมัน Skey Network ได้สร้างความร่วมมือกับตลาดแลกเปลี่ยนหลายแห่ง รวมถึงชื่อที่โดดเด่นในอุตสาหกรรม เพื่อเพิ่มความสามารถในการเข้าถึงและความสามารถในการเข้าถึงสำหรับผู้ใช้ของตน ความร่วมมือเหล่านี้มีบทบาทสำคัญในการขยายขอบเขตและประโยชน์ของข้อเสนอของ Skey Network

การเปิดตัวผลิตภัณฑ์เช่น Skey Box และ Skey File Validator เน้นถึงความมุ่งมั่นของแพลตฟอร์มต่อนวัตกรรมและความสนใจในการให้โซลูชันที่ใช้งานได้จริงซึ่งอิงตามบล็อกเชนสำหรับอุปกรณ์ IoT และการสร้าง NFT ผลิตภัณฑ์เหล่านี้เป็นตัวอย่างของวิธีที่ Skey Network ใช้เทคโนโลยีบล็อกเชนเพื่อแก้ไขความท้าทายในโลกจริง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านของ



Skey Network merges decentralized finance (DeFi) with the Internet of Things (IoT), introducing the innovative concept of the 'Blockchain of Things' (BoT). This platform facilitates the tokenization of real-world assets (RWA) on the blockchain, allowing each object to have its own unique NFT token, transforming the landscape of ownership and asset management in the digital ecosystem.

The application of Skey Network technology spans various tokenization sectors. As a fundamental element for the smart cities of the future, Skey Network enables the integration and optimization of urban infrastructure and traffic systems within the IoT ecosystem, utilizing blockchain for unparalleled efficiency and sustainability.

Skey Network represents a significant step forward in the convergence of RWA with IoT and DeFi, offering a new paradigm for asset management and urban development. It is ready to transform the interaction between the digital and physical worlds, pointing the way to a decentralized, efficient, and interconnected future.

Skey Network

Trust Wallet

MetaMask

SkeyNetwork is an independent #blockchain ecosystem that enables universal #NFT #Oracle #DeFi products, services & blockchain apps. #web3

Ethereum

Shiba Inu

Chainlink

Uniswap

UNUS SED LEO

XDEFI Wallet

Orbofi AI

Penpie

Moby

Bubble

WOM Protocol

Chirpley

Thrupenny

Reality Metaverse

RyuJin

QANplatform

Patex

SatoshiVM

Tipcoin

Web3's Decentralised Commerce Layer.
Sell physical things as redeemable NFTs, everywhere, online, in-game and in-verse.
We have solved the hard tech problems of tokenizing and twinning physical items, so you can focus on creating innovative Web3 commerce experiences for your customers.
Our no-code, low-cost tools make it easy to tokenize and sell physical products as NFTs everywhere, including your own Web3 store, the Metaverse, or on NFT marketplaces.
Redemption can be integrated into your own website, giving your brand full control of the customer experience.
With Boson, you can create phygital assets and token-gate purchases, allowing you to effortlessly develop engaging and rewarding digi-physical commerce experiences.
Buyers can redeem the NFT for the physical with the assurance that either they will receive the item or their money back- all without the need to trust intermediaries or sellers, just code and independent dispute resolvers.  Alternatively, Buyers can transfer, gift, trade or hold the NFT - just like any other NFT.
Boson is a groundbreaking technology recognized as a Technology Pioneer by the World Economic Forum. As a decentralized protocol, Boson is built for the benefit of and governed by its users. Consequently, Boson only charges a minimal 0.5% per transaction protocol fee.

Boson Protocol

Ethernity Chain

Verasity is an open-ledger ecosystem designed to fight advertising fraud, provide open access to infrastructure for publishers and advertisers, and reward users for watching video content. Verasity also provides payment solutions and a rewarding staking ecosystem with 15% yields guaranteed through to April 2024.

Powered by a mix of artificial intelligence (AI), machine learning (ML), and cutting-edge blockchain technologies, Verasity is building the most powerful advertising ecosystem in the world through VeraViews; developing an open-access payments platform through VeraWallet, the VeraCard, and VeraPay; and enhancing the attention economy through its patented Rewarded Video module.

Verasity

xMoney (formerly known as Utrust) was designed to provide a solution to the problems resulting in low usability of cryptocurrency as means of payment, particularly the underdeveloped transactional security of payment platforms and relatively high fees.

The main goal of the platform is to build a system that will enable fast and seamless crypto transactions at lower fees, therefore allowing merchants to reach a large audience of crypto holders.

The platform allows buyers to make secure purchases while also offering an option for refunds and protecting sellers from the high volatility of the crypto market.

The main goal of the platform is to build a system that will enable fast and seamless crypto and fiat transactions at lower fees, therefore allowing merchants to reach a large audience of crypto holders.

The platform allows buyers to make secure purchases while also offering an option for refunds and protecting sellers from the high volatility of the crypto market.

xMoney also aims to create a more reliable payments platform by combining the best features of blockchain and traditional fiat systems.

By leveraging cutting-edge technology and a strategic partnership with MultiversX, xMoney empowers individuals and businesses to optimize their payment processes, drive growth, and deliver exceptional experiences to their customers. With its commitment to innovation and excellence, xMoney continues to lead the way in transforming the financial industry.

xMoney (UTK) native token and its tokenomics UTK 3.0 primary purpose is to drive desired behaviors, such as accepting crypto and fiat for businesses and facilitating payments with the same for users. This encourages more companies to join the ecosystem, creating a flywheel effect that benefits buyers, users, investors, token holders, and businesses. The adoption of decentralized financial tools and currencies is further fostered through this collaborative approach.

xMoney

Established in July 2020, TrustSwap is a diverse Web3 ecosystem creating secure infrastructure for blockchain builders and communities. The TrustSwap Launchpad is a leading Launchpad and IDO service, achieving the #1 spot on Cryptorank in 2023 for All-time High Returns and Average Returns. TrustSwap has launched over 55 projects with a collective fundraising of over $70 million.

TrustSwap is also the parent company of The Crypto App and Team Finance, which offer a suite of multi-chain services including crypto portfolio tracking, token and liquidity locks, minting, staking, and vesting-as-a-service.

SWAP token is the key to accessing guaranteed allocations in top-tier IDOs via the TrustSwap Launchpad. Staking more SWAP tokens longer increases your SWAP Score and unlocks higher allocations as well as other perks for top stakers.

TrustSwap

Energy Web Token (EWT) is the operational token behind the Energy Web Chain, a blockchain-based virtual machine designed to support and further application development for the energy sector.

Energy Web Chain was launched in June 2019. The Energy Web Foundation is the non-profit enterprise behind the project. EWT aims to bring diversity to the energy sector by allowing developers to create decentralized applications (DApps). The virtual machine has the potential to benefit actors from all areas of energetics, including grid operators, software developers, and vendors.

Energy Web Token

Reserve Rights (RSR) is an ERC-20 token that will serve two main purposes for the Reserve Protocol: overcollateralization of Reserve stablecoins (RTokens) through staking and governing them through proposing & voting on changes to their configuration.

The Reserve Rights (RSR) token was launched in May 2019 following a successful initial exchange offering (IEO) on the Huobi Prime platform.

Reserve Rights

Morpheus Labs

RFOX

Wanchain is a distributed ledger that allows for cross-chain transactions and the interoperability of multiple chains. Although Wanchain facilitates transactions between blockchains, it is also a stand-alone blockchain that runs autonomously. The protocol acts as a distributed ledger that processes and maintains records of cross-chain transactions.

Transactions on Wanchain do not only occur between different public blockchains but between private chains as well. As an Ethereum (ETH) fork, Wanchain enjoys some of the properties of the Ethereum blockchain. The protocol securely and autonomously processes applications via smart contracts.  The use cases for Wanchain include decentralized exchanges (DEXs), lending and borrowing platforms, stablecoins, crowdfunding, multi-currency payments and settlements.

The platform is totally decentralized and requires no custodian party to manage or confirm transactions. Unlike other cross-chain systems, Wanchain does not rely on a third-party platform to authenticate transactions. The locked account mechanism is used to secure and manage accounts on the network, eliminating third-party interferences.

Wanchain

LTO Network has established itself as Europe’s leading blockchain with strong real-world usage. It was founded on B2B enterprise solutions such as decentralized workflows, data & document verification and authentication. In 2021, LTO Network’s COBALT mainnet update expanded this solid base with the addition of Decentralized Identifiers (DID) and Verifiable Credentials (VC), putting LTO Network on the road of becoming a true layer-1 blockchain. In turn, Decentralized Identities and Verifiable Credentials are at the core of LTO Network’s newest focus; NFT2.0 technology, where people truly own and manage their NFTs in a decentralized way.

By utilizing its hybrid (2-layer) approach, LTO Network is natively GDPR compliant. This ensures easy compliance for companies around the world with ever-increasing privacy laws. Because of this, LTO Network enables developers and businesses to build Privacy Aware Decentralized Apps (PADA) and offers many unique opportunities for projects to explore.

Immediate plans for LTO Network include NFT2.0, decentralized identities/verifiable credentials driving KYC, expansions on already established projects and much more.

LTO Network

Orion is a suite of decentralized finance (DeFi) trading products with instant access to aggregated centralized and decentralized exchange liquidity to provide users with real-time best asset prices in a seamless trading experience. Orion offers the non-custodial equivalent of a DEX with access to the best priced liquidity in the world, empowering people with financial responsibility on a global scale.

Orion

Synternet is a blockchain that powers modular, interoperable data infrastructure across all major chains. At its core lies the Data Layer, a protocol serving as the customizable execution layer between all blockchains. Its AEAs (Autonomous Economic Agents) empower developers to build composable, use-case-specific applications that can execute on any data from any chain.

Synternet

Telos

Frontier is a chain-agnostic decentralized finance (DeFi) aggregator. The project aims to add DeFi support to several blockchains, including BandChain (BAND), Ethereum (ETH), Binance Smart Chain (BSC) and Harmony (ONE).

Frontier’s applications allow users to manage staking, DeFi positions, best-rate asset swapping, liquidity mining, and collateralized debt position (CDP) creation and monitoring.

In a nutshell, Frontier is bringing the core functions of DeFi to users, regardless of the platforms they use.

Frontier began development in April 2019, and the beta platform launched in November 2019.

Frontier

COTI is a fast and light confidentiality layer on Ethereum. Powered by the breakthrough cryptographic protocol Garbled Circuits and secured by Ethereum, COTI introduces the most advanced and compliant solution for data protection on the public blockchain. Paving the way for the next wave of Web3 innovation and adoption, COTI unlocks a whole new world of use cases, including confidential transactions, Artificial Intelligence, DeFi, decentralized identification, and more.

COTI

OriginTrail is an ecosystem building a trusted knowledge infrastructure for artificial intelligence. It addresses the challenge of misinformation in the AI era by ensuring the origin of information and enabling discoverability of the world's most important knowledge and real world assets (RWAs).

OriginTrail is creating a Verifiable Web for decentralized AI by empowering world class brands and builders. It utilizes its unique Decentralized Knowledge Graph and OriginTrail Parachain to deliver AI-powered search and solutions for enterprises and individuals worldwide.

OriginTrail has gained support and partnerships with world-class organizations such as British Standards Institution, SCAN, Polkadot, Parity, Walmart, World Federation of Hemophilia, Oracle, and the EU Commission's Next Generation Internet. These partnerships contribute to advancing OriginTrail's trusted knowledge foundation and its applicability in trillion-dollar industries, while providing a verifiable web of knowledge important in particular to drive the economies of RWAs.

The best way to see the technology in action is by checking ChatDKG, which is an experimental, question answering bot on X (Twitter) based on trusted Knowledge Assets in OriginTrail Decentralized Knowledge Graph. The ChatDKG provides answers based on OriginTrail trusted AI.

The Metcalfe phase of the updated roadmap pursues an ambitious goal of creating the world’s largest verifiable web for AI consisting of 100 billion Knowledge Assets, bringing a 100.000x scalability increase. As the name of the phase suggests, it will seek to produce network effects across the OriginTrail DKG and use novel techniques to pursue autonomous DKG growth based on the genesis knowledge foundation being created by organizations and individuals alike. The genesis part of the Metcalfe’s phase also introduces knowledge mining and knowledge signaling capabilities to drive constant growth of the Verifiable Web.

Following the Genesis stage and the transition to an AI-native V8, further capabilities will become available in the Convergence stage. By leveraging the advancements in AI and the DKG, we will unlock autonomous knowledge mining which in turn leads to an autonomous DKG. At that stage, new knowledge gets added to the DKG with very limited human involvement. Services such as AI agents will be performing knowledge inferencing directly on the DKG to find any “blind spots” in the knowledge they can fill as well as search for new knowledge and bring it to the DKG in accordance with knowledge signaling.

OriginTrail

DIA (Decentralised Information Asset) is an open-source oracle platform that enables market actors to source, supply and share trustable data. DIA aims to be an ecosystem for open financial data in a financial smart contract ecosystem, to bring together data analysts, data providers and data users. In general, DIA provides a reliable and verifiable bridge between off-chain data from various sources and on-chain smart contracts that can be used to build a variety of financial DApps.

DIA is the governance token of the platform. It is currently based on ERC-20Ethereum protocol.

The project was founded in 2018, while the token supply was made available to the public during the bonding curve sale from Aug. 3 through Aug. 17, 2020, where 10.2 million tokens were sold.

Polkastarter is a decentralized fundraising platform empowering Web3 projects to launch and raise funds through multi-chain token pools whilst significantly growing their communities.

The platform supports initial dex offerings (IDOs) across major blockchains, including Ethereum, BNB Chain, Solana, Polkadot, Polygon, Avalanche and Celo.

The platform enables investors to secure early access to IDOs, NFTs and Gaming Web3 innovation. It is most commonly used by early-stage blockchain projects that want to raise capital and easily distribute their tokens at the same time.

Through Polkastarter, blockchain projects can easily create their own fixed-chain swap pools, which allow them to securely raise funds, while users can invest without risks, since swaps are automatically executed by smart contracts.

POLS is the native utility token of the Polkastarter platform. Its main utility is gaining access to pools and giving projects the option to give priority access to POLS holders. Users are incentivised to stake POLS, rewarding the most loyal members.

In Q4 2022, Polkastarter will release new community utility features, such as governance and POLS Power Boosters (increasing your allowlisting success). The platform first went live in December 2020, and has quickly grown to become one of the most commonly used platforms for initial DEX offerings (IDOs) operating on the Ethereum blockchain.

Polkastarter

Band Protocol is a cross-chain data oracle platform that is able to take real-world data and supply it to on-chain applications, while also connecting APIs to smart-contracts to facilitate the exchange of information between on-chain and off-chain data sources.

By supplying reputable, verifiable real-world data to blockchains, Band Protocol unlocks a range of new use cases for developers to explore — since they can now use any type of real-world data as part of their decentralized application (DApp) logic, including sports, weather, random numbers, price feed data and more.

Band Protocol initially launched as an ERC-20 project on the Ethereum blockchain in September 2019, but transitioned to the Cosmos network in June 2020 with the release of Band Protocol 2.0. The new protocol is built on BandChain using the Cosmos SDK. Oracle nodes on BandChain not only relay data but are also involved in block production/validation, giving them a dual role.

BAND is the native token of the Band Protocol ecosystem and is used as collateral by validators involved in fulfilling data requests, as well as the main medium of exchange on BandChain — being used to paying for private data.