## Nimiq คืออะไร?

Nimiq เป็นระบบการชำระเงินและสกุลเงินดิจิทัลแบบกระจายอำนาจที่ออกแบบมาเพื่อทำให้การใช้สกุลเงินดิจิทัลง่ายและเป็นสาธารณะมากขึ้นสำหรับทุกคน มันโดดเด่นด้วยการเป็นโครงการแบบไม่หวังผลกำไรและเปิดเผยแหล่งที่มาพร้อมกับบล็อกเชนที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ภารกิจหลักของ Nimiq คือการเสนอระบบนิเวศที่เข้าถึงได้ง่ายและใช้งานง่ายโดยไม่ละเมิดหลักการของการกระจายอำนาจ

หนึ่งในคุณสมบัติเด่นของ Nimiq คือเทคโนโลยีบล็อกเชนที่ใช้งานผ่านเบราว์เซอร์ ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้สามารถเชื่อมต่อกับเครือข่ายโดยตรงโดยไม่ต้องใช้โหนดของบุคคลที่สาม วิธีการนี้ต่างจากสกุลเงินดิจิทัลอื่นๆ ที่มักจะต้องมีการใช้บริการของบุคคลที่สาม Nimiq มุ่งหวังที่จะส่งเสริมสภาพแวดล้อมที่เป็นมิตรและรวมทุกคนมากขึ้นสำหรับการทำธุรกรรมสกุลเงินดิจิทัล

Nimiq ยังได้นำเสนอเทคโนโลยีนวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพให้กับระบบนิเวศของตน โปรโตคอล Nimiq OASIS เป็นการพัฒนาที่น่าสนใจ ทำหน้าที่เป็นสะพานคริปโต-เฟียตแบบ DeFi ที่ช่วยให้การสลับอะตอมระหว่างสกุลเงินดิจิทัลเช่น NIM และ BTC กับสกุลเงินเฟียตเช่น EUR โดยมีแผนที่จะขยายไปยังสกุลเงินอื่นๆ โปรโตคอลนี้ช่วยให้การทำธุรกรรมได้อย่างราบรื่นและเป็นส่วนตัวโดยไม่ต้องใช้ข้อมูลส่วนบุคคล ทำให้เป็นก้าวสำคัญในการผสานรวมสกุลเงินดิจ

### Nimiq มีความปลอดภัยอย่างไร?

Nimiq ใช้วิธีการหลายด้านในเรื่องของความปลอดภัย โดยใช้ประโยชน์จากความแข็งแกร่งที่มาจากการกระจายอำนาจร่วมกับคุณสมบัติความปลอดภัยขั้นสูง วิธีการนี้ช่วยให้ผู้ใช้สามารถควบคุมทรัพย์สินของตนเองได้โดยตรงโดยไม่ต้องพึ่งพาตัวกลาง โดยการเชื่อมต่อกระเป๋าเงินของผู้ใช้ไปยังบล็อกเชนโดยตรง Nimiq จึงสามารถให้สภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยซึ่งการเป็นเจ้าของและการควบคุมทรัพย์สินไม่ถูกละเมิด

หนึ่งในคุณสมบัติความปลอดภัยหลักของ Nimiq คือการใช้ไฟล์เข้าสู่ระบบและการสำรองข้อมูล เครื่องมือเหล่านี้ถูกออกแบบมาเพื่อเพิ่มความปลอดภัยของกระเป๋าเงินของผู้ใช้โดยให้กลไกที่แข็งแกร่งสำหรับการกู้คืนบัญชีและการป้องกัน นี่ช่วยให้ผู้ใช้มีความสบายใจทราบว่าทรัพย์สินของพวกเขาได้รับการป้องกันจากการเข้าถึงโดยไม่ได้รับอนุญาต

นอกจากนี้ Nimiq ยังนำเสนอระบบการแลกเปลี่ยนระหว่างเงินสดและคริปโตแบบอะตอมิกสวอปที่เป็นนวัตกรรมใหม่ ระบบนี้ช่วยให้การแลกเปลี่ยนโดยตรงระหว่างสกุลเงินเฟียตและคริปโตเคอเรนซี่ภายในระบบนิเวศของ Nimiq โดยไม่ต้องผ่านการแลกเปลี่ยนแบบดั้งเดิม นี่ไม่เพียงแต่ทำให้กระบวนการแปลงระหว่างเงินสดและคริปโตง่ายขึ้นเท่านั้น แต่ยังเพิ่มความปลอดภัยเพิ่มเติมโดยลดการพึ่งพาแพลตฟอร์มภายนอก

การเดิมพันโดยตรงในกระเป๋าเงินเป็นอีกหน

### Nimiq จะถูกใช้อย่างไร?

Nimiq เป็นระบบนิเวศบล็อกเชนที่ออกแบบมาเพื่อเพิ่มการเข้าถึงและความง่ายในการใช้สกุลเงินคริปโตเคอเรนซีสำหรับการทำธุรกรรมประจำวันโดยไม่ลดทอนหลักการหลักของการกระจายอำนาจ แพลตฟอร์มนี้สนับสนุนการชำระเงินแบบเพียร์ทูเพียร์อย่างราบรื่น โดยเสนอการรวมเข้ากับแอปพลิเคชันออนไลน์อย่างง่ายดาย ซึ่งขยายประโยชน์ของมันไปยังการโต้ตอบดิจิทัลหลากหลายรูปแบบ โครงสร้างพื้นฐานของมันรองรับการใช้งานหลายอย่าง ตั้งแต่การเป็นที่เก็บมูลค่าไปจนถึงการเปิดใช้งานการทำธุรกรรมภายในเกมออนไลน์และการชำระเงินผ่านมือถือ

คุณสมบัติเด่นของ Nimiq คือความสามารถในการขุดผ่านเบราว์เซอร์ ซึ่งทำให้กระบวนการขุดเป็นที่นิยมมากขึ้นสำหรับผู้ชมจำนวนมากด้วยอุปสรรคทางเทคนิคที่น้อยที่สุด นวัตกรรมนี้ไม่เพียงแต่ขยายการมีส่วนร่วมในเครือข่ายเท่านั้น แต่ยังเน้นถึงความมุ่งมั่นของ Nimiq ต่อความรวมและการกระจายอำนาจ

เพื่อเพิ่มประโยชน์ใช้สอยของมันอีกขั้น Nimiq ได้พัฒนาโปรโตคอล OASIS ซึ่งเป็นสะพานคริปโต-เฟียตแบบ decentralized finance (DeFi) ที่ช่วยให้สามารถทำการสลับอะตอมิกระหว่างสกุลเงินคริปโตและสกุลเงินเฟียตได้ คุณสมบัตินี้ช่วยให้สามารถทำธุรกรรมได้โดยตรงและมีประสิทธิภาพโดยไม่ต้องใช้ข้อมูลส่วนบุคคล ส่งเสริมความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัย การนำเสนอของ Albatross ซึ่งเป็นอัลก

### นี่คือเนื้อหา มีเหตุการณ์สำคัญอะไรบ้างสำหรับ Nimiq?

Nimiq ได้ทำเครื่องหมายการมีอยู่ของตนในพื้นที่ของสกุลเงินดิจิทัลผ่านการพัฒนาที่นวัตกรรมและการมีส่วนร่วมของชุมชนอย่างต่อเนื่อง หนึ่งในความก้าวหน้าที่สำคัญคือการสร้าง Nimiq OASIS, สะพานการเงินแบบกระจายอำนาจ (DeFi) ระหว่างสกุลเงินดิจิทัลกับสกุลเงินฟิอัต นวัตกรรมนี้ช่วยให้การแลกเปลี่ยนแบบอะตอมิกระหว่างสกุลเงินดิจิทัลกับสกุลเงินฟิอัตเป็นไปได้ ซึ่งเพิ่มความสามารถในการทำงานร่วมกันและการเข้าถึงสินทรัพย์ดิจิทัล โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กลไกนี้ทำงานโดยไม่ต้องการข้อมูลส่วนบุคคลจากผู้ใช้ โดยเน้นความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัย

Nimiq ได้ขยายขอบเขตทางเทคโนโลยีของตนต่อไปด้วยการนำเสนอ Albatross, อัลกอริทึมการพิสูจน์สิทธิ์ในการถือหุ้นที่ทำลายล้าง  Albatross ถูกตั้งค่าให้เป็นพลังขับเคลื่อนของ Nimiq 2.0, เพิ่มความเร็วในการทำธุรกรรมได้ประมาณ 1000 ธุรกรรมต่อวินาที (TPS) และบรรลุความสุดท้ายในเวลาเพียงหนึ่งวินาที การอัปเกรดนี้ไม่เพียงแต่ผลักดัน Nimiq ไปสู่การเป็นผู้นำในด้านประสิทธิภาพของบล็อกเชนเท่านั้น แต่ยังลดการใช้พลังงานของมันลงเหลือน้อยกว่า 1% ของระบบการพิสูจน์การทำงานในปัจจุบัน

ในการคาดการณ์การเปลี่ยนแปลงไปสู่ Nimiq 2.0, กิจกรรม "super-halving" กำลังจะเกิดขึ้น การปรับเปลี่ยนนี้จะลดอัตราการปล่อยโทเค็น NIM ใหม่อย่างเห็นได้ชัด ซึ่งส่งผลต่อความหายากและมูล



## What Is Nimiq (NIM)?

Nimiq is designed to make cryptocurrencies easy to use for everyone without compromising decentralization. Nimiq is the only blockchain where users always participate directly by default. In comparison to the likes of Bitcoin and Ethereum where the default is to use a third-party node to connect to the network. Learn more: https://youtu.be/dA40oyDVtqs

Team Nimiq invented Nimiq OASIS, the DeFi crypto-fiat bridge! Atomic swaps between crypto like NIM and BTC (ETH coming soon) and fiat currencies like EUR (USD next) with no personal information are now possible. Earned swap fees are converted to NIM and held to create scarcity. See how it works: https://youtu.be/Spp_Be4dHaM

Nimiq created Albatross, a new, super fast Proof-of-Stake consensus algorithm that will launch with Nimiq 2.0, the next version of the Nimiq Blockchain. We expect ~1000 TPS and finality in one second, pushing Nimiq 2.0 to the theoretical limits of single chain blockchain protocols. Energy consumption will also be reduced to less than 1% (compared to current Nimiq POW) with this upgrade. Try out the demo: https://www.nimiq.com/albatross/

Nimiq’s “super-halving” coming soon! The transition to Nimiq 2.0 will reduce the emission rate from currently ~3000 NIM to only ~525 NIM per minute. Calculate your rewards using the Staking Calculator: https://www.nimiq.com/staking-calculator/

Join the friendly Nimiq Community to ask questions and learn more: https://www.nimiq.com/community/

Nimiq

ShareToken is a digital utility token that is used to make payments for sharing services across industries and geographies on the ShareRing platform — which includes the ShareRing application, ShareRing shop and each user’s ShareRing ID.

ShareRing is an open-source blockchain-based platform that makes use of distributed ledger technology and a dual token mechanism.

According to the developers and founders of the ShareRing platform, the current service sharing economy is incredibly fragmented and multi-faceted, which can be overwhelming for consumers. The use of ShareToken on the ShareRing platform overcomes this issue by offering a single decentralized marketplace and digital currency that lets you securely access services around the world and pay for them.

In 2019, the creators of the platform and its corresponding digital currency turned their focus to the travel industry and created TravelRing — the first B2B consumer-first example of what is possible using the ShareRing platform.

Besides being used to pay for transaction fees on the ShareRing network, SHR tokens can also be staked to earn rewards, known as flowbacks.

ShareToken

Ampleforth is an Ethereum-based cryptocurrency with an algorithmically adjusted circulating supply. It is designed to be the base money of the new decentralized economy, by providing an asset that cannot be diluted by supply inflation and remains decoupled to the price action of other cryptocurrencies—and Bitcoin (BTC) in particular.

With Ampleforth, token holders own a fixed fraction of the total AMPL circulating supply, rather than a fixed number of tokens. When the protocol detects that the price of AMPL is too high, it increases the circulating supply, whereas the supply is decreased if the price is too low.

This change is propagated to all Ampleforth wallets, which have their wallet balance adjusted proportionally. Irrespective of this change, AMPL holders will still retain the same percentage of the token supply.

This automatic supply adjustment process is known as a “rebase” and occurs once each day, with a positive rebase if the price goes above $1.06, and a negative rebase if it is below $0.96. The overall goal of the system is to create incentives that drive the market price of AMPL back to ~$1.

Ampleforth

Firo (FIRO), formerly known as Zcoin, is a cryptocurrency that focuses on being private digital cash. It created the Lelantus privacy protocol which allows users to burn their coins and redeem them later for brand new ones that do not have any transaction history.

Prior to Lelantus, it was also the first cryptocurrency to code and launch a practical implementation of the Zerocoin protocol which became one of the most prevalent privacy protocols in use, prior to it being replaced by Sigma and then Lelantus after cryptographic flaws were discovered in the Zerocoin protocol in 2019.

Firo

Hifi (formerly Mainframe) is a Lending Protocol that allows anyone to borrow against their crypto. Hifi uses a bond-like instrument, representing an on-chain obligation that settles on a specific future date. Buying and selling the tokenized debt enables fixed-rate, fixed term lending and borrowing — something much needed in decentralized finance today. It is anticipated that a ticker symbol change will occur alongside future iterations on the Hifi Lending Protocol.

Mainframe Token (MFT) is the native utility token that is used for:

Governance votes

Staking to ensure the safety of the protocol

Rewarding contributors to the ecosystem

What can you do with the Hifi Lending Protocol:

Borrow:  Lock collateral in a vault to mint fixed-rate, fixed-term debt tokens.  These debt tokens can be swapped for instant liquidity allowing users to leverage long, yield farm, or pursue other strategic trades without selling their collateral tokens.

Lend:  Buy fixed-rate, fixed-term debt tokens for a discount.  When the term expires they can be redeemed for face value, earning lenders a predictable return on their investment.

Provide Liquidity:  Earn trading fees by providing liquidity between debt tokens and stablecoins on an Automated Market Maker (AMM).

Mainframe

Carbon Protocol

ThunderCore

Grin

GoChain

KardiaChain is a blockchain platform that aims to be fully interoperable and "non-invasive," meaning that blockchains can connect to the network without needing to make technical modifications to their own protocols. KardiaChain uses a dual-node structure to facilitate the connection between its own ledger and other blockchains, sharding for scalability and smart contracts for developers.

The platform relies on a native token, KAI, which is used for staking, transaction fees, participating in services and deploying smart contracts.

KardiaChain was first announced in October 2018, and its mainnet went live in December 2020.

KardiaChain

DigiByte (DGB) is an open source blockchain and asset creation platform. Development began in October 2013 and the genesis block of its DGB token was mined in January 2014 as a fork of Bitcoin (BTC).

A longstanding public blockchain and cryptocurrency, DigiByte uses five different algorithms to improve security, and originally aimed to improve on the Bitcoin blockchain’s security, capacity and transaction speed.

DigiByte consists of three layers: a smart contract “App Store,” a public ledger and the core protocol featuring nodes communicating to relay transactions.

DigiByte

Zilliqa is a public, permissionless blockchain that is designed to offer high throughput with the ability to complete thousands of transactions per second. It seeks to solve the issue of blockchain scalability and speed by employing sharding as a second-layer scaling solution. The platform is home to many decentralized applications, and as of October 2020, it also allows for staking and yield farming.

Development work officially started on Zilliqa in June 2017, and its testnet went live in March 2018. A little over a year later, in June 2019, the platform launched its mainnet.

The native utility token of Zilliqa, ZIL, is used to process transactions on the network and execute smart contracts.

Zilliqa

Kin is a decentralized cryptocurrency that was created in 2017 by Kik Inc.

Kin was initially launched on the Ethereum blockchain. In 2020, Kin migrated to the Solana blockchain in order to achieve lower transaction fees and greater scalability.

Notably, Kin has zero inflation. The Kin supply is fully distributed and no additional Kin tokens will enter circulation.

In 2020, Kik Inc agreed to a mutual settlement with the United States SEC in which Kin was not required to be registered as a security, making it one of the few cryptocurrencies with such regulatory clarity.

MultiVAC

MixMarvel

Oxen (formerly known as LOKI) is a privacy tech project with a mission. It’s a private cryptocurrency with instant transactions. An enormous and powerful PoS network. A secure messaging platform. A network anonymity layer. Tools to build a more private future for the Internet — all on blockchain.

Our vision is to provide a range of tools and services powered by the OXEN coin, enabling users and developers all over the world to leverage the power of our decentralised blockchain network to achieve unparalleled privacy and security as they work, play, and live their day-to-day lives on the internet. And this isn’t just an empty vision — we've put in the hard yards and spent years building these technologies to make our vision a reality.

The Oxen privacy stack includes:

Session, a fully anonymous, totally decentralised encrypted messaging platform

Lokinet, a powerful low-latency onion router

Oxen Name System (ONS), a registration system that allows users to provably burn OXEN to purchase temporary or permanent usernames for Session (and Oxen wallets), and domain names for Lokinet services

The Oxen coin is used for:

Staking to run Oxen Service Nodes

Purchasing name registrations for Lokinet (our onion router) and Session (our private messenger)

Transferring value through instant, private transactions with our revolutionary Blink transaction tech

Oxen

XPR Network

Akropolis is a company that operates an Ethereum-based decentralized finance protocol that seeks to provide an autonomous financial ecosystem for saving and growing wealth, including through borrowing and lending. To do so, it offers a series of products including AkropolisOS, a framework for developing for-profit decentralized autonomous organizations, Sparta, a platform for uncollateralized lending, and Delphi, a yield farming aggregator and tool for dollar-cost averaging.

The project uses an ERC-20 token, AKRO, for protocol governance across its suite of products.

Akropoli was first announced in March 2018, launching on the Ethereum mainnet in June 2020.

Akropolis

Ren (REN) is an open protocol built to provide interoperability and liquidity between different blockchain platforms.

To learn more about this project, check out our deep dive of Ren.

Formerly known as Republic Protocol, Ren launched RenVM, its virtual machine mainnet, in May 2020, having completed a $34 million initial coin offering (ICO) in 2018.

The protocol’s native token, REN, functions as a bond for those running nodes which power RenVM, known as Darknodes.

Ren aims to expand the interoperability, and hence accessibility, of decentralized finance (DeFi) by removing hurdles involved in liquidity between blockchains.

Status is categorized as a mobile and desktop operating system and decentralized browser that incorporates a messaging system. As such, Status allows you to interact with a network at any time, from anywhere. It was originally released in June in 2017.

It is a light client Ethereum node, and has the ability to give you access to all Ethereum decentralized applications (otherwise known as DApps) from an app that is installed on your mobile phone or tablet. This means that users can send encrypted messages as well as access decentralized applications, including a cryptocurrency wallet.

Status

Reserve Rights (RSR) is an ERC-20 token that will serve two main purposes for the Reserve Protocol: overcollateralization of Reserve stablecoins (RTokens) through staking and governing them through proposing & voting on changes to their configuration.

The Reserve Rights (RSR) token was launched in May 2019 following a successful initial exchange offering (IEO) on the Huobi Prime platform.