## LockTrip คืออะไร?

LockTrip เป็นแพลตฟอร์มที่ใช้เทคโนโลยีบล็อกเชนในการปฏิวัติอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว โดยเสนอตลาดแบบกระจายอำนาจสำหรับการจองโรงแรม บ้าน และเที่ยวบิน ด้วยการกำจัดตัวกลางและค่าธรรมเนียมที่เกี่ยวข้อง LockTrip ทำให้ผู้ใช้สามารถประหยัดค่าใช้จ่ายในการเดินทางได้ถึง 60% วิธีการนี้ในการจองการเดินทางเป็นไปได้ผ่านการผสมผสานระหว่างวิธีการชำระเงินแบบดั้งเดิม สกุลเงินคริปโตคัลเนอร์ยอดนิยม และโทเค็น LOC ของตนเอง ซึ่งช่วยลดค่าธรรมเนียมการชำระเงินเพิ่มเติม

แพลตฟอร์มมีสินค้าคงคลังที่น่าประทับใจ โดยมีการจับมือกับแบรนด์ชั้นนำในภาคการท่องเที่ยวเพื่อให้บริการเข้าถึงโรงแรมและที่พักมากกว่า 2.1 ล้านแห่งทั่วโลก รูปแบบการประมูลย้อนกลับที่เป็นเอกลักษณ์ของ LockTrip ส่งเสริมการแข่งขันระหว่างผู้จัดหา ทำให้ลูกค้าได้รับราคาที่ดีที่สุด นอกจากนี้ นักท่องเที่ยวยังมีความยืดหยุ่นในการเลือกจากสายการบินมากกว่า 1,000 สายการบิน ทำให้เป็นร้านค้าแบบครบวงจรสำหรับทุกความต้องการด้านการเดินทาง

ใจกลางของระบบนิเวศ LockTrip คือโทเค็น LOC ซึ่งมีบทบาทสำคัญในแบบจำลองธุรกิจของพวกเขา แพลตฟอร์มจัดสรร 3% ของมูลค่าการจองแต่ละครั้งเพื่อซื้อและเผาโทเค็น LOC ซึ่งเป็นกระบวนการที่ทำได้อัตโนมัติและบันทึกอย่างโปร่งใสบนบล็อกเชน รูปแบบการเผาที่เป็นการลดลงนี้ ได้รับการสนับสนุนโดยเชน Hydra

### LockTrip มีการรักษาความปลอดภัยอย่างไร?

LockTrip ใช้วิธีการหลายด้านเพื่อให้แน่ใจว่าความปลอดภัยของแพลตฟอร์มและข้อมูลผู้ใช้ได้รับการปกป้องอย่างดีที่สุด ซึ่งรวมถึงการใช้ PCI Scanning เพื่อตรวจสอบความเสี่ยงต่อภัยคุกคามและการบุกรุกจากภายนอกอย่างสม่ำเสมอ นอกจากนี้ยังใช้เทคโนโลยีการเข้ารหัส Secure Sockets Layer (SSL) เพื่อปกป้องข้อมูลที่ถูกส่งไปมาระหว่างเบราว์เซอร์ของผู้ใช้และแพลตฟอร์ม LockTrip ทำให้ข้อมูลที่ถูกส่งเป็นความลับและปลอดภัย

เพื่อเพิ่มความปลอดภัยให้มากขึ้น, LockTrip ได้รวมกระบวนการ pseudonymisation ซึ่งเป็นกระบวนการที่เปลี่ยนข้อมูลส่วนบุคคลให้ไม่สามารถระบุตัวตนของผู้ที่เกี่ยวข้องได้โดยไม่มีข้อมูลเพิ่มเติม ข้อมูลเพิ่มเติมนี้จะถูกเก็บแยกต่างหากและได้รับการคุ้มครองด้วยมาตรการทางเทคนิคและการจัดการเพื่อให้แน่ใจว่าไม่สามารถระบุตัวตนได้

การเข้าถึงข้อมูลภายในของ LockTrip ถูกควบคุมอย่างเข้มงวด โดยจำกัดการเข้าถึงข้อมูลที่ละเอียดอ่อนเฉพาะบุคคลที่ต้องการเพื่อปฏิบัติหน้าที่การงานของตนเท่านั้น ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงของการรั่วไหลข้อมูลภายในและการเข้าถึงโดยไม่ได้รับอนุญาต

นอกจากนี้ยังมีการควบคุมการเข้าถึงทางกายภาพเพื่อรักษาความปลอดภัยของโครงสร้างพื้นฐานที่ให้บริการ LockTrip การควบคุมเหล่านี้รับประกันว่าเฉพาะบุคลากรที่ได้รับอนุญาตเท่านั้นที่สามารถเข้าถึงฮาร์ดแวร์สำคัญและพื้นที่จัดเก็บข้อมูลได้ ช่วยป้องกันการเข้าถึงโดย

### LockTrip จะถูกใช้อย่างไร?

LockTrip กำลังปฏิวัติอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวโดยใช้เทคโนโลยีบล็อกเชนเพื่อเสนอวิธีที่มีประสิทธิภาพและประหยัดต้นทุนมากขึ้นสำหรับผู้ใช้ในการจองบริการท่องเที่ยว ในแก่นแท้ของมัน LockTrip เป็นตลาดการท่องเที่ยวแบบกระจายอำนาจที่ลดต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับการจองการท่องเที่ยวอย่างมากโดยการกำจัดความจำเป็นในการใช้ตัวกลาง วิธีการนี้ช่วยให้ผู้ใช้สามารถเพลิดเพลินกับการประหยัดค่าใช้จ่ายในการจองได้ถึง 60% ทำให้การท่องเที่ยวเข้าถึงได้มากขึ้นสำหรับผู้ชมที่กว้างขึ้น

แพลตฟอร์มรองรับบริการท่องเที่ยวหลากหลายประเภท รวมถึงที่พัก ตั๋วเครื่องบิน และบริการอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ผู้ใช้มีความยืดหยุ่นในการชำระเงินโดยใช้วิธีการต่างๆ รวมถึงบัตรเครดิต สกุลเงินคริปโตเคอเรนซี่ที่ได้รับความนิยม และโทเค็น LOC ซึ่งเป็นสกุลเงินพื้นเมืองของแพลตฟอร์ม การใช้โทเค็น LOC ในการทำธุรกรรมสามารถลดค่าธรรมเนียมการชำระเงินได้เพิ่มเติม ทำให้ข้อเสนอมูลค่าโดยรวมสำหรับผู้ใช้ดียิ่งขึ้น

ตลาดของ LockTrip กว้างขวาง มีโรงแรมและที่พักมากกว่า 2.1 ล้านแห่งทั่วโลก การเลือกที่พักจำนวนมากนี้เป็นไปได้ผ่านการร่วมมือกับแบรนด์ชั้นนำในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ทำให้ผู้ใช้สามารถเข้าถึงสินค้าคุณภาพระดับแนวหน้าไม่ว่าพวกเขาจะเลือกไปที่ใด แพลตฟอร์มใช้โมเดลการประมูลย้อนกลับที่ส่งเส

### นี่คือเนื้อหา มีเหตุการณ์สำคัญอะไรบ้างสำหรับ LockTrip?

LockTrip ได้ประสบกับช่วงเวลาสำคัญหลายครั้งที่มีส่วนสำคัญต่อการพัฒนาและการรับรู้ในอุตสาหกรรมสกุลเงินดิจิทัลและการท่องเที่ยว กิจกรรมเหล่านี้มีตั้งแต่ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีไปจนถึงความร่วมมือทางกลยุทธ์ ซึ่งแต่ละอย่างมีบทบาทสำคัญในการเดินทางของมัน

หนึ่งในเหตุการณ์สำคัญสำหรับ LockTrip คือการนำระบบรางวัลการล็อกไว้ใช้ ซึ่งเป็นการกระตุ้นให้ผู้ใช้มีส่วนร่วมและช่วยเสริมความมั่นคงของระบบนิเวศของแพลตฟอร์ม การริเริ่มนี้เป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ที่กว้างขึ้นของ LockTrip เพื่อดึงดูดชุมชนและรางวัลการมีส่วนร่วมและความภักดี

การเปิดตัวเวอร์ชันใหม่ของ WICC Collateral Insurance ถือเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญ การพัฒนานี้เน้นย้ำถึงความมุ่งมั่นของ LockTrip ในเรื่องความปลอดภัยและความไว้วางใจ โดยการรับประกันว่าสินทรัพย์ของผู้ใช้จะได้รับการปกป้อง ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญในพื้นที่บล็อกเชนที่มีความกังวลเรื่องความปลอดภัยมากมาย

นอกจากนี้ LockTrip ยังได้เปิดตัวประกัน DeFi แห่งแรกของโลก ซึ่งเป็นการเคลื่อนไหวที่ทำลายข้อจำกัดในการลดความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับการเงินแบบกระจายอำนาจ นวัตกรรมนี้ไม่เพียงแต่เพิ่มความน่าสนใจของแพลตฟอร์มเท่านั้น แต่ยังกำหนดมาตรฐานในพื้นที่ DeFi โดยแสดงให้เห็นถึงการเป็นผู้นำของ LockTrip ในการผสานการท่องเที่ยวเข้ากับเทคโนโลยีบล็อกเ



**Fundamentally Changing the Travel Industry**

LockTrip.com is a blockchain-based travel marketplace that allows users to save up to 60% on their bookings by cutting out middlemen and their commissions. It is possible to choose among various payment methods such as credit card, popular cryptocurrencies and the native LOC token to bypass payment fees. LockTrip's stated mission is to make travel more accessible by bringing down prices for the average user.

**More than 2.1 Million Hotels & Properties**

LockTrip is working with the strongest brands in the travel industry to offer its customers first class inventory around the globe. Thanks to its vast network of partners and its unique reverse-auctioning model, LockTrip is letting brands compete with each other to strip down commissions as much as possible. This ensures that customers are always presented the lowest price possible.

**More than 1,000 Airlines to Choose From**

With more than 1,000 Airlines to choose from globally, LockTrip is better connected than any other marketplace in the industry. Hotels, Homes & Flights are bookable from within the same marketplace in a one-stop shop solution.

**About the LOC Token**

LockTrip's business model funnels the entire economy through the LOC token. Each booking made on the marketplace results in 3% of the booking value being used to buy LOC from exchanges and burn them. The process is fully automated and can be verified transparently on the blockchain. The LOC token is powered by the Hydra chain, which unifies the best features of Bitcoin, Ethereum and Qtum chains and introduces additional economic features to its ecosystem.

**Deflationary Model**

Contrary to most other tokens and coins, the LOC supply is not growing or remains stagnant. Indeed it is shrinking with each booking and it's subsequent burn. This mechanism will continue indefinitely as there is no limit in time or number of LOC to be burnt.


LockTrip

Trust Wallet

MetaMask

Ethereum

Shiba Inu

Chainlink

Uniswap

UNUS SED LEO

Ondo

SingularityNET

Quant

Maker

FLOKI

Bonk

Gala

Pendle

Fetch.ai

Bitget Token

zkLend

Convex CRV

ECOMI

Musk Dao

Frog

Opacity is a cloud storage provider with one major difference, privacy.

With the rise of digital property, many people have increasingly become concerned with the security and privacy of materials stored with cloud storage companies such as Dropbox, Google, and others. Small businesses, individuals, and enterprises want to keep their data private.

Opacity protects people’s basic rights and provides private cloud storage to anyone through its Opacity token, OPCT. The token can be purchased on a crypto exchange and then used to purchase data storage plans that are completely private, and can only be accessed by the purchaser with the private key.

Unlike other service providers, Opacity does not require personal identification information. Opacity stores no information on its users, and allows people to store private information, such as company secrets, intellectual property, personal photographs, legal documents, and family moments, with assurance that personal data stays personal.

Access to private storage and file sharing enables a new way to protect your important files. Storing and sharing files has limitless potential, covering a wide variety of areas:

Photos

Videos

Music

Banking documents

Legal documents

File sharing with coworkers

Enterprise cold storage

Files can be shared privately or publicly, you decide!

Opacity

TE-FOOD

Haven Protocol is similar to an offshore bank where users can create private tokens that represent stable and volatile assets, including commodities and fiat currencies (such as USD). The protocol is based on Monero, which focuses on secure, private and untraceable transactions.

As a result, most of the features of Monero extend to the Haven protocol, including the bulletproofs and other privacy tech. The base currency of Haven is the XHV, which is burnt to provide users with private, untraceable, synthetic assets and commodities called xAssets.

The network uses a “mint and burn” process to provide users with untraceable digital assets with standard market pricing and real asset-pegged value storage. Simply, users can burn Haven (XHV) for Haven Dollars (xUSD), which is a synthetic stablecoin.

Haven Protocol

WaykiChain

The AVA utility token, developed by the AVA Foundation, embodies the concept of customer loyalty programs using blockchain technology to extend the applications of loyalty programs beyond that which can be achieved with traditional models.

Primarily, AVA functions as the key to accessing the AVA Smart Program, a web3 loyalty program that provides use cases to end users, such as loyalty rewards, discounts, gated access benefits, AVA bonuses and more. The token is also used as a payment alternative for purchasing goods and services on partner platforms and as a governance tool for the AVA community.

The overarching mission of the AVA Foundation is to create a decentralised, self-sufficient, and interconnected blockchain-based loyalty ecosystem with AVA at its core. The AVA Foundation aims to realise this mission by introducing the AVA Smart Program to partner projects in a cost-effective manner via a plug-and-play approach that provides participants with significantly greater utility, transparency, and autonomy over their rewards.

This approach cultivates an accessible and more frictionless experience by enabling users to benefit from a range of partner projects via a single loyalty program ecosystem, thus generating more use cases, bringing communities together, and amplifying the reach of the AVA token.

Elastos, founded in 2017 and building on a vision from 2000, is a blockchain-powered internet version. Its recent breakthrough is the introduction of BeL2, a Layer 2 solution leveraging SmartWeb technology to revolutionize Bitcoin transactions. Elastos is using SmartWeb technology to build the Bitcoin second-layer network BeL2, which extends the efficiency and scalability of the Bitcoin network through smart contracts. This endeavor will enable Bitcoin to power a smart economy and effectively release the liquidity of hundreds of billions of dollars in staked Bitcoin assets.

With over 50% of Bitcoin's hash power protecting it through merged mining, ELA boasts extremely high security and credibility in its network, earning it the esteemed title of "BTC Queen" within the community.

Elastos

MiL.k

Morpheus Labs

v.systems

Chrono.tech provides blockchain-based solutions for recruitment, HR and payment processes, reducing the barriers to accessing work and transferring funds securely in the global labor marketplace. The project’s suite of services - and native governance token TIME - are hosted on multiple blockchains and include LaborX.com, a peer-to-peer freelancer marketplace, TimeX.io, a Plasma-based cryptocurrency exchange; AUDT, an Australian dollar-backed stablecoin; and PaymentX, a crypto invoicing and payroll solution.

Chrono.tech

BytomDAO

Lympo

Strike is a DeFi lending protocol that allows users to earn interest on their cryptocurrencies by depositing them into one of several markets supported by the platform.

When a user deposits tokens to a Strike market, they receive sTokens in return. These sTokens represent the individual’s stake in the pool and can be used to redeem the underlying cryptocurrency initially deposited into the pool at any time. For example, by depositing ETH into a pool, you will receive sETH in return. Over time, the exchange rate of these sTokens to the underlying asset increases, which means you can redeem them for more of the underlying asset than you initially put in — this is how the interest is distributed.

On the flip side, borrowers can take a secured loan from any Strike pool by depositing collateral. The maximum loan-to-value (LTV) ratio varies based on the collateral asset, but currently ranges from 50 to 80%. The interest rate paid varies by borrowed asset and borrowers can face automatic liquidation if their collateral falls below a specific maintenance threshold.

Strike

WOM Protocol

Crypterium

NEST Protocol

Kleros (PNK) is a decentralized dispute resolution project that launched in July 2018. It is an open-source online dispute resolution protocol that uses blockchain and crowdsourcing to adjudicate disputes fairly.

Kleros offers a middleman service for decentralized applications (DApps) and their users. If the service provided by the application does not create a dispute, Kleros acts as a trustless third-party service for payment.

When a dispute does occur, however, each party can apply for arbitration through the Kleros arbitrators that are selected from the owners of PNK tokens. PNK is an Ethereum-based ERC-20 utility token with a fixed supply.

At this point, the jurors can make a decision that will favor either party. The arbitration fees are distributed to all arbitrators in the form of ETH; jurors who have issued a minority decision lose part of their PNK tokens for the benefit of the majority of jurors. This decision can be appealed, at a cost. The stated mission of Kleros is to offer easier access to justice and improve individual freedom.

Kleros charges a cost that is payable in ETH and is provided by the parties to the dispute or drawn from the funds previously locked in escrow.

Kleros

Grin

Validity

Firo (FIRO), formerly known as Zcoin, is a cryptocurrency that focuses on being private digital cash. It created the Lelantus privacy protocol which allows users to burn their coins and redeem them later for brand new ones that do not have any transaction history.

Prior to Lelantus, it was also the first cryptocurrency to code and launch a practical implementation of the Zerocoin protocol which became one of the most prevalent privacy protocols in use, prior to it being replaced by Sigma and then Lelantus after cryptographic flaws were discovered in the Zerocoin protocol in 2019.