## Kondux คืออะไร?

Kondux เป็นห้องแล็บออกแบบเสมือนจริงที่ใช้เทคโนโลยีบล็อกเชนในรูปแบบ Web3 โดยมุ่งเน้นที่จุดตัดระหว่างความคิดสร้างสรรค์และเทคโนโลยี ทุ่มเทให้กับการให้บริการซอฟต์แวร์เป็นบริการ (SaaS) โดยเฉพาะในด้านเกม ศิลปะ ดนตรี และอื่นๆ ด้วยการใช้ประโยชน์จากปัญญาประดิษฐ์ Kondux มุ่งมั่นที่จะปฏิวัติวิธีการที่ผู้สร้างและแบรนด์มีส่วนร่วมกับการสร้างและจัดการเนื้อหาดิจิทัล

ลักษณะเด่นของ Kondux คือการรวมเข้ากับเทคโนโลยีขั้นสูง รวมถึงเทคโนโลยีที่เพิ่มประสบการณ์การสร้างสรรค์ในรูปแบบ 3 มิติ การรวมนี้ไม่เพียงแต่ยกระดับประสบการณ์ผู้ใช้ แต่ยังขยายขอบเขตของความเป็นไปได้สำหรับผู้สร้างที่ทำงานภายในแพลตฟอร์ม การเน้นที่ NFT ของอวาตาร์ที่มีโครงสร้าง 3 มิติ แสดงถึงความมุ่งมั่นของ Kondux ในการผลักดันขีดจำกัดของอัตลักษณ์และการมีอยู่ในโลกดิจิทัล โดยเฉพาะใน Metaverse

Kondux ตั้งตัวเองเป็นสะพานที่ผสานความคิดสร้างสรรค์เข้ากับเทคโนโลยีบล็อกเชน ส่งเสริมการสร้างโปรเจกต์ NFT ใน Metaverse วิธีการนี้ไม่เพียงแต่ตอบสนองต่อชุมชนเกมเมอร์ แต่ยังเปิดโอกาสใหม่ๆ สำหรับศิลปินและแบรนด์ที่ต้องการสำรวจศักยภาพของ NFT และโลกเสมือน

ทีมงานของ Kondux ประกอบด้วยผู้เชี่ยวชาญที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน ซึ่งเน้นถึงความมุ่งมั่นของโปรเจกต์ต่อนวั

### Kondux มีการรักษาความปลอดภัยอย่างไร?

Kondux ใช้วิธีการหลายด้านเพื่อให้แน่ใจว่าความปลอดภัยและความสมบูรณ์ของแพลตฟอร์มของตน โดยใช้ประโยชน์จากความแข็งแกร่งที่มีอยู่ของเทคโนโลยีบล็อกเชน ซึ่งเป็นเทคโนโลยีแบบกระจายอำนาจที่มีชื่อเสียงในเรื่องคุณสมบัติด้านความปลอดภัยที่แข็งแกร่ง รวมถึงความไม่สามารถเปลี่ยนแปลงและความโปร่งใส ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญในการป้องกันข้อมูลและการทำธุรกรรมจากการเข้าถึงโดยไม่ได้รับอนุญาตและการฉ้อโกง ด้วยการรวมบล็อกเชน Kondux มั่นใจได้ว่าการดำเนินการทั้งหมดบนแพลตฟอร์มของตนนั้นปลอดภัยและสามารถตรวจสอบได้

เพื่อเพิ่มความปลอดภัยของตนอีกขั้น Kondux ได้จัดตั้งความร่วมมือกับบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำ ซึ่งมีส่วนร่วมในการนำเสนอโซลูชันและความเชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยขั้นสูง ความร่วมมือเหล่านี้ช่วยให้ Kondux สามารถรวมโปรโตคอลและมาตรการด้านความปลอดภัยที่ทันสมัย ทำให้แพลตฟอร์มยังคงมีความยืดหยุ่นต่อภัยคุกคามทางไซเบอร์ที่เปลี่ยนแปลงไป

ลักษณะเด่นของกลยุทธ์ความปลอดภัยของ Kondux คือการนำโปรโตคอลความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัว 3 มิติมาใช้ วิธีการนวัตกรรมนี้เพิ่มชั้นความปลอดภัยเพิ่มเติม ปกป้องข้อมูลผู้ใช้และการโต้ตอบภายในสภาพแวดล้อมห้องแล็บออกแบบเสมือนของตน โปรโตคอลนี้ถูกออกแบบมาเพื่อปกป้องความ

### Kondux จะถูกใช้อย่างไร?

Kondux มีบทบาทสำคัญในการพัฒนาภูมิทัศน์ดิจิทัลที่กำลังเปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่ Web3 การประยุกต์ใช้งานของมันครอบคลุมหลายด้านสร้างสรรค์ รวมถึงการออกแบบเสมือนจริง, เกม, ศิลปะ และดนตรี ซึ่งเปิดโอกาสกว้างขวางให้กับศิลปิน, นักออกแบบ และเกมเมอร์ในการสำรวจและนวัตกรรม โดยใช้พลังของเทคโนโลยีบล็อกเชน Kondux มุ่งหวังที่จะส่งเสริมการผสานรวมระหว่างความคิดสร้างสรรค์และการเงินดิจิทัลอย่างไม่มีรอยต่อ ทำให้ศิลปินและแบรนด์สามารถไม่เพียงแต่แสดงผลงานของตน แต่ยังสามารถสร้างรายได้จากมันได้อย่างมีประสิทธิภาพ

นอกจากการทำหน้าที่เป็นห้องแล็บออกแบบเสมือนจริงแล้ว Kondux ยังสร้างช่องทางใหม่ในเมตาเวิร์ส โดยการสร้าง NFT อวาตาร์ 3D ที่มีการติดตั้งระบบอย่างละเอียด อวาตาร์เหล่านี้ไม่เพียงแต่เป็นสินค้าที่สะสมได้ในรูปแบบดิจิทัลเท่านั้น แต่ยังถูกออกแบบมาเพื่อการใช้งานจริงภายในสภาพแวดล้อมเสมือนจริง ทำให้ประสบการณ์ผู้ใช้ในเมตาเวิร์สดียิ่งขึ้น การดำเนินการนี้เน้นย้ำถึงความมุ่งมั่นของ Kondux ในการผสมผสานระหว่างภาคส่วนเกมและ NFT จึงเปิดโอกาสใหม่ๆ สำหรับการโต้ตอบและการมีส่วนร่วมในพื้นที่เสมือนจริง

นอกจากนี้ Kondux ยังพร้อมที่จะปฏิวัติวิธีการทำธุรกรรมภายในระบบนิเวศของตน โดยการเสนอระบบการทำธุรกรรมที่ปลอดภัยและกร

### นี่คือเนื้อหา มีเหตุการณ์สำคัญอะไรบ้างสำหรับ Kondux?

Kondux ได้ทำเครื่องหมายการมีอยู่ของตนในพื้นที่บล็อกเชนและสกุลเงินดิจิทัลผ่านการบรรลุเป้าหมายสำคัญหลายประการที่เน้นย้ำถึงความมุ่งมั่นในนวัตกรรมและการยอมรับบล็อกเชนเทคโนโลยีในวงกว้าง หนึ่งในช่วงเวลาสำคัญสำหรับ Kondux คือการเปิดตัวแพลตฟอร์มของพวกเขา ซึ่งได้รับการปรับปรุงอย่างมากจากการร่วมมือกับบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำ โดยใช้เทคโนโลยี Omniverse การเป็นหุ้นส่วนนี้เน้นย้ำถึงความมุ่งมั่นของ Kondux ในการผลักดันขีดจำกัดของสิ่งที่เป็นไปได้ในด้านการออกแบบเสมือนจริงและการพัฒนา Metaverse

เหตุการณ์ที่น่าสนใจอีกเหตุการณ์หนึ่งคือการเปิดตัวโซลูชัน Software as a Service (SaaS) ที่ขับเคลื่อนด้วย AI ของ Kondux โซลูชันเหล่านี้ออกแบบมาเพื่อทำให้กระบวนการสร้างและการผสานรวม NFTs ใน Metaverse ง่ายขึ้นและดียิ่งขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับศิลปินและแบรนด์ที่ต้องการเข้าใจความซับซ้อนของเทคโนโลยี Web3 ด้วยการทำให้กระบวนการเหล่านี้ง่ายขึ้น Kondux มุ่งหวังที่จะส่งเสริมระบบนิเวศดิจิทัลที่มีความครอบคลุมและสร้างสรรค์มากขึ้น

Kondux ได้รับการยอมรับเข้าสู่โปรแกรมที่มีชื่อเสียงจากบริษัทเทคโนโลยีเดียวกัน ซึ่งออกแบบมาเพื่อเลี้ยงดูสตาร์ทอัพที่ปฏิวัติอุตสาหกรรมด้วยความก้าวหน้าใน AI และวิทยาการข้อมูล การยอมรับนี้ไม่เพียงแต่ยืนยันวิธีการนวัตกรรมของ Kondux ในการผสานรวมเทคโนโลยีบล็อกเชนกับการออกแบ



Kondux a virtual design lab for artists and brands. We create Web3 SAAS integration solutions for Metaverse NFT projects that act as a conduit to merge creativity and blockchain technology together.
Merging together the gaming and NFT sector we create 3D rigged avatar NFTs for actual use in the Metaverse. Launched by a team of professionals each with their own oddly specific area of expertise, we aim to be at the forefront of creation for all things Metaverse.

Kondux

Kondux is a Web3 virtual design lab for artists and brands. We generate digital assets layered with secured technologies creating entry points into Metaverse

Ethereum

Shiba Inu

Chainlink

Pepe

Uniswap

Fetch.ai

Aave

The Sandbox

Axie Infinity

Maker

Ondo

Wormhole

UNUS SED LEO

Bitget Token

Quant

EscoinToken

Amino

PlasticHero

ClearDAO

QToken

Echelon Prime

SuperVerse

AIOZ Network

Myria

The $BEAM token serves as the native crypto asset for the Beam network, a gaming network empowered by the Merit Circle DAO. Beam is an ecosystem where gamers and developers come together to shape the future of the gaming industry. One of its core components is the Beam SDK, which is a flexible software development kit that enables game developers to choose between a variety of tools that can be used to fuel and structure their in-game blockchain elements.

To interact with Beam, $BEAM is required. This is the native crypto asset used within the Beam network to pay for transactions. This not only includes transfers of assets but also involves all interactions with smart contracts on the Beam network, facilitating a seamless, immersive gaming experience.

Besides functioning as a gas token that fuels the Beam network, $BEAM is the heart of the governance of the Merit Circle DAO. This decentralized autonomous organization (DAO) was brought to live in early 2021 to revolutionize the gaming industry. The $BEAM token allows its holders to participate in governance of this DAO.

Beam

Nakamoto Games

Seedify.fund(SFUND) Seedify is a blockchain gaming-focused incubator and launchpad that empowers innovators and project developers through access to funding, community and partnership building, and a full support system to help drive the future of gaming and blockchain. Its ecosystem also includes an NFT launchpad for gaming and metaverse assets, along with the industry's first gaming-and-metaverse-asset-centric NFT marketplace, Seedify NFT Space.

Featuring an IGO launchpad with a tiered allocation mechanism, Seedify enables $SFUND holders to stake their tokens and earn staking rewards while gaining access to quality, procured blockchain gaming projects through private sales and initial game offerings. The launchpad's tier system consists of nine tiers. Tier 1 uses a lottery-based allocation process, while tier 2 to 9 participants enjoy guaranteed allocation.

Along with IGOs, stakers can also participate in initial NFT offerings (INOs) and initial metaverse offerings (IMOs) on Seedify's NFT Launchpad. Additionally, staking $SFUND, gives holders the opportunity to receive tokens from the projects that have been selected and supported by Seedify's incubation program.

Committed to bringing the opportunities offered through blockchain gaming and the play-to-earn model to billions around the globe, the Seedify team has established key relationships with numerous VCs and industry peers, to build an extensive support network for blockchain gaming and metaverse startups.

Interested game industry innovators submit their project proposal to the Seedify

Seedify acts as a launching pad for blockchain games and the disruptive play-to-earn gaming model. The gaming industry is gradually entering a new era — previously gamers may spend large sums of money on in-game items with no direct monetary benefits. However, they are now able to make money by earning in-game item non-fungible tokens (NFTs) and tokens, which is facilitated by the play-to-earn revolution.

Blockchain technology has not only opened up more opportunities for gamers and game developers, but it has also offered additional forms of benefits like transparency, ownership, incentive models and digital ownership through NFTs.

The team behind the Seedify project are pursuing a global goal: to acquaint gamers with the blockchain and increase the rate of technology adoption, attract a huge number of users, create more jobs and financial benefits.

Seedify.fund

Vulcan Forged is a blockchain game studio and NFT marketplace. They are the makers of VulcanVerse.

PYR  is the native utility token that is used for:

Fees for marketplace settlement

Staking in VulcanVerse land and other assets

Upgrading and sustaining game asset levels

Play-to-earn rewards

Access to our game developers and NFT dapp incubation program

Vulcan Forged Platforms and games include:

*VulcanVerse, a Grece-Roman fantasy metaverse made up of 10,000 plots of land

Anvil, a crypto-less and gas-free NFT engine for easy game and dApp onboarding

Vulcan Market, a gas free NFT marketplace for all Vulcan Forged games

Berserk, an NFT online TGG

Frenzy, a create-your-own tournament platform with PYR as it’s reward token.

Vulcan Forged (PYR)

Akash Network

Bittensor

Verasity is an open-ledger ecosystem designed to fight advertising fraud, provide open access to infrastructure for publishers and advertisers, and reward users for watching video content. Verasity also provides payment solutions and a rewarding staking ecosystem with 15% yields guaranteed through to April 2024.

Powered by a mix of artificial intelligence (AI), machine learning (ML), and cutting-edge blockchain technologies, Verasity is building the most powerful advertising ecosystem in the world through VeraViews; developing an open-access payments platform through VeraWallet, the VeraCard, and VeraPay; and enhancing the attention economy through its patented Rewarded Video module.

Verasity

Big Time

Illuvium is an open-world fantasy battle game built on the Ethereum blockchain. Often touted as the first AAA game on Ethereum, Illuvium looks to provide a source of entertainment to both casual gamers and hardcore DeFi fans through a range of collecting and trading features.

To learn more about this project, check out our deep dive of Illuvium.

The world of Illuvium is inhabited by creatures known as Illuvials, who can be captured by players that best them in battle and nurse them back to health. From then on, they become a loyal part of the player’s collection and can be used when battling other adventurers as part of Illuvium’s auto battler gameplay.

The game is a fusion between an open-world exploration game and a PVP battle game. Players can spend their time exploring the expanses of the game world or building up their team of powerful beasts.

Illuvium has been in development since 2020, and is being built by a worldwide team of more than 40 individuals, including the co-founders; serial entrepreneur and early cryptocurrency adopter Kieran Warwick, and experienced game designer Aaron Warwick, who are brothers. (And who are coincidentally also the brothers of Kain Warwick, the co-founder of DeFi platform Synthetix).

The ILV token has a number of uses within the Illuvium ecosystem. It’s the main token used to reward players for their in-game achievements, entitles players to their share of the Illuvium Vault and is used for participating in the governance of the game via the Illuvium decentralized autonomous organization (DAO).

Illuvium

Immutable positions itself as the first layer-two scaling solution for NFTs on Ethereum. According to Immutable, its blockchain does away with Ethereum’s limitations like low scalability, a poor user experience, illiquidity, and a slow developer experience. Instead, users benefit from instant trading and massive scalability while enjoying zero gas fees for minting and trading NFTs without compromising user or asset security.

Thanks to this technology, users will be able to create and distribute assets like ERC-20 and ERC-721 tokens on a massive scale. Chris Clay, the game Director of Gods Unchained, a project already building on Immutable, stated that Immutable allows Gods Unchained to implement a new meta-system that was previously impossible. In this fashion, Immutable aims to create a world-class experience for users and developers alike.

Immutable

Ultra is a publishing platform and ecosystem for video games and video game content. Ultra’s mission is to do away with the current monopoly held by publishing platforms like Steam and provide new opportunities to game developers, players, and influencers. Ultra promises a solution that is more equitable to players and developers alike. Players can benefit from immediately playable games, earn UOS by using the platform, and access platform-exclusive games. At the same time, developers benefit from access to more effective marketing tools and the potential for 20% higher sales revenue.

Besides content and game publishing, Ultra offers a demand-side and service-side platform for advertisers, the opportunity for players to resell their used games, and a platform-exclusive app.

Ultra

Wilder World

RenderToken (RNDR) is a distributed GPU rendering network built on top of the Ethereum blockchain, aiming to connect artists and studios in need of GPU compute power with mining partners willing to rent their GPU capabilities out. Conceived in 2009 by OTOY, inc. CEO Jules Urbach and launched in 2017, RNDR held its first public token sale in October of that same year, followed by a private sale period lasting from January 2018 – May 2018, wherein a total of 117,843,239 RNDR were sold at a price of 1 RNDR = $0.25 USD equivalent of token.
During the private sale period, early adopters were onboarded onto the RNDR Beta Testnet, where beta node operators and artists worked collaboratively with the RNDR team in building and testing the network, up until its public launch on April 27th 2020.

Render

RSS3 is the Open Information Layer, structuring open information for the next Twitter, Google, and OpenAI.

The RSS3 Network is formed by decentralized nodes that consistently index and structure information from the Open Web, ensuring its availability and accessibility for all.

RSS3

Injective is a blockchain built for finance. It is an open, interoperable layer-one blockchain powering next-generation DeFi applications, including decentralized spot and derivatives exchanges, prediction markets, lending protocols and more.

Injective uniquely provides powerful core financial infrastructure primitives that applications can leverage, including a fully decentralized MEV-resistant on-chain orderbook. In addition, all forms of financial markets such as spot, perpetual, futures and options are fully on-chain. The decentralized cross-chain bridging infrastructure is compatible with Ethereum, IBC-enabled blockchains, and non EVM chains such as Solana.

Injective also provides a next-generation, highly interoperable smart contract platform based on CosmWasm, with advanced interchain capabilities. Injective is custom built with the Cosmos SDK and utilizes Tendermint-based Proof-of-Stake consensus mechanism, providing instant transaction finality with the ability to sustain lightning-fast performance (10,000+ TPS).

The Injective ecosystem includes 100+ projects and over 150,000 community members globally. Injective is backed by a group of prominent investors such as Binance, Pantera Capital, Jump Crypto and Mark Cuban.

Injective’s core exchange module provides state-of-the-art capabilities including an advanced on-chain order book and matching engine for spot, perpetual, futures and options markets, resistance to Miner-Extractable Value (MEV) through frequent batch auction order matching, and zero gas fees for users.

Injective natively uses IBC and is highly-interoperable with multiple layer 1s, including, but not limited to, Polygon and Solana (through an upcoming Wormhole integration). It is also uniquely built to be interoperable with Ethereum, through its own decentralized ERC-20 token bridge, making Injective the first network within the Cosmos ecosystem to natively support Ethereum assets.

Smart contracts are implemented on Injective through CosmWasm, allowing for multi-chain smart contract transactions to occur seamlessly. Injective, however, is the only blockchain that enables automatic smart contract execution. This capability serves as a powerful building block for developers to create novel use cases that would not be possible on any other chain.

The use cases intended for INJ include but are not limited to: protocol governance, dApp value capture, Proof-of-Stake (PoS) security, developer incentives and staking. Further details regarding each of these use cases can be found below:

Protocol Governance: The INJ token governs every single component of Injective, including chain upgrades. Since its mainnet launch, the Injective community has actively contributed to governance, with all proposals passing through a DAO governance vote. The comprehensive governance page is available here.

Protocol Fee Value Capture: 60% of all fees generated from dApps enter an on-chain buy-back-and-burn auction to maintain the deflationary nature of INJ. The burn auction page is available here.

Tendermint-based Proof-of-Stake (PoS) Security: INJ is used to secure the Injective blockchain using a proof-of-stake mechanism. Validators and delegators can both participate in staking.

Developer Incentives: 40% of fees generated by users on dApps built on Injective go directly towards incentivizing new developers building on Injective which brings an ever growing funnel of builders to Injective.

Injective

Founded in 2017 and launched via IEO on Binance in March 2019, Fetch.AI is an artificial intelligence (AI) lab building an open, permissionless, decentralized machine learning network with a crypto economy. Fetch.ai democratizes access to AI technology with a permissionless network upon which anyone can connect and access secure datasets by using autonomous AI to execute tasks that leverage its global network of data. The Fetch.AI model is rooted in  use cases like optimizing DeFi trading services, transportation networks (parking, micromobility), smart energy grids, travel — essentially any complex digital system that relies on large-scale datasets.