## Boba Network คืออะไร?

Boba Network ปรากฏตัวขึ้นเป็นโซลูชัน Layer 2 ที่สร้างบน Ethereum โดยมีเป้าหมายเพื่อเพิ่มความสามารถในการขยายตัวและประสิทธิภาพของบล็อกเชน โดยเน้นที่การลดค่าธรรมเนียมแก๊สและเพิ่มปริมาณการทำธุรกรรมโดยไม่ลดทอนคุณสมบัติด้านความปลอดภัยที่แข็งแกร่งของ Ethereum ด้วยการใช้ Hybrid Compute architecture, Boba Network ช่วยให้การดำเนินการอัลกอริทึมที่ซับซ้อนนอกเครือข่าย ซึ่งสามารถรวมกลับเข้าไปในสัญญาอัจฉริยะบนเครือข่ายได้ วิธีการนี้ไม่เพียงแต่รับประกันความปลอดภัยและความมั่นคงเหมือนกับ Ethereum แต่ยังช่วยให้การโอนย้ายสินทรัพย์ระหว่าง Layer 1 และ Layer 2 เป็นไปอย่างราบรื่น

ในการขยายความสามารถ, Boba Network ใช้กลยุทธ์ optimistic rollup โดยการรวมกับหลายเครือข่าย เช่น Avalanche, BNB, Moonbeam และ Fantom การสนับสนุนหลายเครือข่ายนี้เน้นถึงความมุ่งมั่นในการส่งเสริมสภาพแวดล้อมบล็อกเชนที่เชื่อมต่อกันมากขึ้นและมีประสิทธิภาพสูงขึ้น ความเข้ากันได้ของเครือข่ายกับเครื่องมือที่ใช้ Ethereum Virtual Machine (EVM) เพิ่มเติมยังเพิ่มความน่าสนใจให้กับนักพัฒนาที่ต้องการสร้างหรือย้ายแอปพลิเคชันแบบกระจายอำนาจ (dApps) ที่มีประสิทธิภาพและต้นทุนต่ำลง

ใจกลางของนวัตกรรมของ Boba Network คือเทคโนโลยี Hybrid Compute ซึ่งเชื่อมโยงระหว่างเทคโนโลยีเว็บแบบดั้งเดิม (Web2) และบล็อกเชน (Web3) เทคโนโลยีนี้ช่วยให้สามารถพัฒนาสัญญาอัจฉริยะที่ฉลาดขึ้น โดยอนุญาตให้รวมข้อมูลและการคำนว

### Boba Network มีการรักษาความปลอดภัยอย่างไร?

Boba Network ใช้วิธีการหลายด้านเพื่อรับประกันความปลอดภัยของตน โดยใช้ประโยชน์จากความแข็งแกร่งของอัลกอริทึมการตกลงของ Ethereum ควบคู่ไปกับกลไกนวัตกรรมของตัวเอง โดยพื้นฐานแล้ว Boba Network เป็นเชนลูกของ Ethereum หมายความว่ามันได้รับประโยชน์โดยตรงจากมาตรการความปลอดภัยและอัลกอริทึมการตกลงของ Ethereum ความสัมพันธ์นี้มีความสำคัญเพราะมันช่วยให้ Boba Network สืบทอดระดับความปลอดภัยที่สูงจากหนึ่งในเครือข่ายบล็อกเชนที่ปลอดภัยที่สุดในโลก

เพื่อเพิ่มความปลอดภัยเพิ่มเติม Boba Network ได้นำระบบการพิสูจน์การฉ้อโกงมาใช้ ระบบนี้ถูกออกแบบมาเพื่อตรวจจับและป้องกันการทำธุรกรรมที่เป็นการฉ้อโกง เพื่อรักษาความสมบูรณ์ของเครือข่าย ด้วยการใช้การพิสูจน์การฉ้อโกง Boba Network เพิ่มชั้นความปลอดภัยเพิ่มเติมที่เสริมความปลอดภัยที่ได้รับมาจาก Ethereum

นอกจากนี้ Boba Network ยังนำเสนอกลไกการแลกเปลี่ยนสำหรับการโอนทรัพย์สินระหว่างเชน กลไกนี้มีความสำคัญสำหรับการรักษาความปลอดภัยในระหว่างกระบวนการย้ายทรัพย์สินเข้าหรือออกจาก Boba Network มันรับประกันว่าทรัพย์สินสามารถถูกโอนย้ายได้อย่างปลอดภัยโดยไม่มีความเสี่ยงของการยกเลิกเมื่อการถอนถูกส่งไป ด้วยเหตุนี้จึงป้องกันการละเมิดความปลอดภัยที่เกี่ยวข้องกับการย้อนกลับธุรกรรม

เครือข่ายยังเน้นถึงความสำคัญของการเชื่อมต่อที่ปลอดภัยสำหรับผู้ใช้ โดยการให้เอกสารอ้างอิง

### Boba Network จะถูกใช้อย่างไร?

Boba Network ถูกวางตำแหน่งเป็นโซลูชันการขยายขนาดชั้นที่ 2 โดยใช้เทคโนโลยี optimistic rollup เพื่อเพิ่มความสามารถของบล็อกเชน Ethereum มีเป้าหมายเพื่อลดค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรมและเพิ่มความเร็วในการประมวลผล ตอบโจทย์สองปัญหาหลักที่เครือข่าย Ethereum ประสบในปัจจุบัน ด้วยการเสนอสะพานไปยังชั้นที่ 2 Boba Network ทำให้นักพัฒนาสามารถสร้างแอปพลิเคชันแบบกระจายอำนาจ (dApps) ที่มีประสิทธิภาพและคุ้มค่ามากขึ้น

เครือข่ายนี้นำเสนอเทคโนโลยี Hybrid Compute ฟีเจอร์ใหม่ที่ผสานข้อมูลและการคำนวณนอกเชนกับสัญญาอัจฉริยะบนเชน ทำให้นักพัฒนาสามารถสร้าง dApps ที่สามารถดำเนินการคำนวณที่ซับซ้อนนอกเชนได้ ขณะที่ยังคงรักษาความปลอดภัยและประโยชน์ของการกระจายอำนาจของบล็อกเชน Ethereum ฟีเจอร์นี้เป็นประโยชน์โดยเฉพาะสำหรับแอปพลิเคชันที่ต้องการการคำนวณที่มีความต้องการสูงหรือการเข้าถึงข้อมูลในโลกจริง เปิดโอกาสใหม่ๆ สำหรับแอปพลิเคชันบล็อกเชนในด้านการเงิน ห่วงโซ่อุปทาน และอื่นๆ

Boba Network รองรับสถาปัตยกรรมหลายเชน ขยายโซลูชันชั้นที่ 2 ไปยังบล็อกเชนอื่นๆ เช่น Avalanche, BNB, Moonbeam และ Fantom ความสามารถในการทำงานร่วมกันนี้ส่งเสริมระบบนิเวศที่เชื่อมต่อและมีประสิทธิภาพมากขึ้น ที่สินทรัพย์และข้อมูลสามารถไหลผ่านบล็อกเชนต่างๆ ได้อย่างราบรื่น ซึ่งเพิ่มประโยชน์และการเข้าถึงของ dApps ที่สร้างบน Boba Network

โทเค็นพื

### เหตุการณ์สำคัญใดบ้างที่เกิดขึ้นกับ Boba Network?

Boba Network ได้ทำเครื่องหมายถึงการมีอยู่ของตนในอุตสาหกรรมบล็อกเชนผ่านการพัฒนากลยุทธ์และความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีอย่างต่อเนื่อง จุดเปลี่ยนสำคัญสำหรับเครือข่ายคือการเปิดตัวกองทุนระบบนิเวศเพื่อกระตุ้นโครงการในระยะเริ่มต้น การริเริ่มนี้แสดงถึงความมุ่งมั่นของ Boba Network ในการส่งเสริมนวัตกรรมและสนับสนุนนักพัฒนาที่เลือกสร้างบนแพลตฟอร์มของตน โดยการเสนอโอกาสในการเดิมพันและใช้ประโยชน์จากโทเค็น Boba เครือข่ายได้สร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้ออำนวยสำหรับนักพัฒนา เพิ่มเติมเสริมความร่ำรวยให้กับระบบนิเวศของตน

ความก้าวหน้าอีกประการหนึ่งสำหรับ Boba Network คือความสามารถในการให้นักพัฒนาเข้าถึงความสามารถในการคำนวณนอกเชนด้วยเทคโนโลยี Hybrid Compute ฟีเจอร์นี้เชื่อมโยงระหว่าง Web2 และบล็อกเชน ทำให้สัญญาอัจฉริยะฉลาดยิ่งขึ้น โดยการอนุญาตให้นักพัฒนารวมความสามารถในการคำนวณนอกเชนและข้อมูลจากโลกจริงเข้ากับแอปพลิเคชันแบบกระจายอำนาจ Boba Network เพิ่มฟังก์ชันและประสบการณ์ผู้ใช้ของ dApps

เครือข่ายยังได้แนะนำกลไกที่ทำให้ผู้ใช้ได้รับประโยชน์โดยการอนุญาตให้พวกเขาจ่ายค่าธรรมเนียมความสะดวกเล็กน้อยให้กับผู้ให้บริการสภาพคล่อง รูปแบบนี้ไม่เพียงแต่กระตุ้นสภาพคล่อง แต่ยังรับประกันการทำธุรกรรมที่ราบรื่นยิ่งขึ้นสำหรับผู้ใช้

การที่ Boba Network ถูกมองว่าเป็นเชนลูก



Boba Network is an optimistic-based multichain layer-2 scaling solution that aims to unlock the potential of rollup technology and enable more flexible blockchain communication. The protocol is fully compatible with EVM-based tools and has already deployed multichain support for Avalanche, BNB, Moonbeam and Fantom, supporting lightning-fast transactions and fees anywhere from 40-100X less than the respective layer-1. Boba Network is powered by Hybrid Compute technology that brings the power of Web2 on-chain, with smarter smart contracts that allow developers to leverage off-chain compute and real-world data to deliver enriched experiences for decentralized applications. 

$BOBA will be used for governance of the Boba DAO, which will be used for community initiatives and direction for the network’s future. Each $BOBA holder will get one vote for every token that they stake on Boba Network. Token holders will be eligible to submit proposals, vote, and delegate votes for proposals on the DAO in accordance with the governance guidelines.

Boba Network

Trust Wallet

MetaMask

Welcome to Boba Network's Community channel aggregated by CoinMarketCap.

Moonriver is an Ethereum-compatible, smart-contract parachain on Kusama. It is intended to be a companion network to Moonbeam, where it will provide a permanently incentivized canary network. New code will ship to Moonriver first, where it can be tested and verified under real economic conditions. Once proven, the same code will ship to Moonbeam on Polkadot.

It does this by providing a full EVM implementation, a Web3-compatible API, and bridges that connect Moonriver to existing Ethereum networks.

This allows developers to deploy existing Solidity smart contracts and DApp frontends to Moonriver with minimal changes.

Moonriver

Metis is an Ethereum Layer-2 scaling solution aiming to solve the blockchain trilemma: that blockchains cannot be decentralized, secure, and scalable simultaneously. It also strives to solve Ethereum's biggest challenges: speed, cost and scalability.

Metis wants to help developers create and manage existing decentralized applications (dApps), while also supporting developers and entrepreneurs who want to build and launch new dApps. It also integrates the Decentralized Autonomous Company (DAC) framework into its Layer 2 infrastructure to help developers and businesses move from Web 2.0 to Web 3.0.

Metis

Acala Token

Moonbeam is an Ethereum-compatible smart contract parachain on Polkadot. Moonbeam makes it easy to use popular Ethereum developer tools to build or redeploy Solidity projects in a Substrate-based environment.

Moonbeam is much more than just an EVM implementation: it’s a highly specialized parachain that mirrors Ethereum’s Web3 RPC, accounts, keys, subscriptions, logs, and more. The Moonbeam platform extends the base Ethereum feature set with additional features such as on-chain governance, staking, and cross-chain integrations.

Moonbeam’s Ethereum compatibility is unmatched:

Minimal Changes: developers can use existing Solidity smart contracts right away, with no need to rewrite or reconfigure

Use Existing Developer Tools: connect popular tools like MetaMask, Hardhat, Waffle, Remix, and Truffle via a complete set of Web3 RPC endpoints. Use well-known Javascript libraries such as Web3.Js or Ethers.Js.

Unified Accounts, Addresses, and Signatures: use your existing Ethereum H160 accounts & ECDSA signatures to interact with Moonbeam

Tap into the Most Integrations on Polkadot: use existing oracles, bridges, wallets, and other tools that are already building on Moonbeam

Moonbeam provides integration and connectivity between Polkadot Parachains as well as with other chains such as Ethereum and Bitcoin via bridges. Moonbeam was started in 2019 by Derek Yoo of Pure Stake.

Moonbeam

Celer is a blockchain interoperability
protocol enabling a one-click user experience accessing tokens, DeFi, GameFi, NFTs, governance, and more across multiple chains. Developers can build inter-chain-native Dapps using the Celer Inter-chain Messaging Framework to gain access to efficient liquidity utilization, coherent application logic, and shared states. Users of Celer-enabled dApps will enjoy the benefits of a diverse multi-blockchain ecosystem with the simplicity of a single-transaction UX, all from a single chain.

Celer Network

LRC is the Ethereum-based cryptocurrency token of Loopring, an open protocol designed for the building of decentralized crypto exchanges.

In 2020, the average daily trading volume of the entire cryptocurrency market fluctuated in the approximate range of $50-$200 million. Most of that trading is conducted on centralized cryptocurrency exchanges — online platforms operated by private companies that store users’ funds and facilitate the matching of buy and sell orders.

Such platforms have a number of downsides common to all of them, so a new type of exchange — decentralized— has emerged to try to alleviate these disadvantages. However, fully decentralized exchanges are not without their own flaws.

Loopring’s purported goal is to combine centralized order matching with decentralized on-blockchain order settlement into a hybridized product that will take the best aspects of both centralized and decentralized exchanges.

LRC tokens became available to the public during an initial coin offering (ICO) in August 2017, while the Loopring protocol was first deployed on Ethereum mainnet in December 2019.

Loopring

Biconomy is a multichain relayer protocol that aims to improve the user onboarding and transaction experience on decentralized applications (DApps). The project’s declared goal is to make web3 products as intuitive and easy to use as web2 products. Biconomy offers an infrastructure to solve several web3 bottlenecks:

Protocols can onboard users without paying gas fees.

Users can pay gas in an ERC-20 token of their choice.

Users avoid blockchain complexities like a change of network.

Transactions are confirmed much faster.

In short, Biconomy focuses on transaction management and gas optimization and can reduce gas costs by up to 40%. To achieve that, the protocol utilizes meta transactions, allowing users to submit a transaction with zero gas and having a third party pay for the transaction fees for the user. By providing a non-custodial and gas-efficient relayer infrastructure network, Biconomy is able to do this at scale.

Biconomy

JOE (JOE) is the native token of Trader Joe, a decentralized exchange (DEX) on the Avalanche (AVAX) blockchain that offers DeFi services, including swapping, staking and yield farming. The exchange has been growing rapidly, attracting over $4 billion in total value locked (TVL) since it was launched in June 2021. Trader Joe claims to take a community-first approach, and to prioritize innovation, speed and safety. It aims to provide a one-stop-shop DeFi experience and to integrate new products without compromising on security. To achieve this, Trader Joe has outlined an ambitious roadmap that focuses on token-holder growth. It plans to have improved staking, non-fungible-token (NFT) exchange listings, the collateralization of the JOE token, and leveraged trading –– all during 2021.

SKALE, described as a modular blockchain network, is designed to bring scalability to Ethereum. SKALE is the only blockchain network capable of running an unlimited number of fast, on-demand, pooled-security Blockchains with zero gas fees to end users. These individual chains are known as SKALE chains and can be dapp-specific or shared.

The project’s website says it wants to enable people to build and run DApps in a “decentralized modular cloud built for real-world needs and configured for your requirements.” This emphasis on decentralization isn’t at the expense of security.

According to SKALE, those who build on this platform can run Solidity smart contracts “thousands of times faster at a fraction of the mainnet cost” — with games and content streaming services among the projects that already take advantage of its infrastructure.

SKALE

Ethereum-based DYDX ($ethDYDX) is a governance token that allows the dYdX community to truly govern the dYdX Layer 2 Protocol built on Ethereum ("dYdX v3"). ethDYDX is currently undergoing a migration from Ethereum to the dYdX Chain. More information is available here. If you want to migrate ethDYDX to dYdX Chain DYDX, to enable staking, security and governance of the dYdX Chain you can follow the how-to-bridge guide here.

If you want to read about the new token utility for dYdX Chain DYDX you can read the blog here

ethDYDX (dYdX) is the governance token for the layer 2 protocol built on Ethereum. By enabling shared control of dYdX v3, ethDYDX allows traders, liquidity providers, and partners of dYdX to work collectively towards an enhanced dYdX v3.

Built on StarkWare’s StarkEx scalability engine, layer 2 is used for trading of cross-margined perpetuals on the platform. The scaling solution allows dYdX to increase transaction speed, eliminate gas costs, reduce trading fees and lower​​ minimum trade sizes on the protocol.

A total of 1,000,000,000 ethDYDX have been minted, and started to become accessible over five (5) years, on August 3rd, 2021, at 15:00:00 UTC.

dYdX (ethDYDX)

Litentry

Yield Guild Games (YGG) is the world’s first and biggest web3 gaming guild where players can find their community, discover games and level up together. Its mission is to become the leading community-based user acquisition platform in web3 gaming.

As a network of gaming guilds focused on web3 games, YGG is committed to providing opportunities for its members to achieve success in web3 gaming through questing initiatives such as Superquests and the Guild Advancement Program (GAP). These enable members to build their on-chain identity through its achievement-based reputation system.

From its roots in the Philippines to its global network of regional guilds and partnerships with over 80 blockchain games and infrastructure projects, YGG caters to an ever-expanding community of gamers and blockchain enthusiasts.

Yield Guild Games

Galxe is the world's leading Web3 credential data network and was launched on April 28, 2022, on Binance Launchpool.

Galxe is built on open and collaborative infrastructure that allows Web3 developers and projects to profit from credential data by building better products and communities.

Data curators are rewarded when users employ their credentials in Project Galaxy's Application Modules, Credential Oracle Engine and Credential API at the same time.

Galxe

Telos

Kyber Network is a multi-chain hub of liquidity protocols that aggregates liquidity from various sources to provide secure and instant transactions on any decentralized application (DApp). The main goal of Kyber Network is to enable DeFi DApps, decentralized exchanges (DEXs) and other users easy access to deep liquidity pools that provide the best rates.

KyberSwap.com, its main DEX aggregator and liquidity platform, provides the best swap rates for traders in DeFi compared to individual exchanges. It also enables liquidity providers to maximize earnings via high capital efficiency. KyberSwap sources liquidity from multiple DEXes such as Uniswap, Sushi, Curve, QuickSwap, Pancakeswap, Traderjoe, Pangolin, SpookySwap, SpiritSwap, VVS Finance, Velodrome, GMX, and many others to achieve the best rates for traders on different chains. KyberSwap supports over 13 chains including Ethereum, BNB Chain, Polygon, Avalanche, Fantom, Cronos, Arbitrum, Optimism, Velas, Aurora, Oasis, BitTorrent, Ethereum PoW, and soon Solana.

KyberSwap is decentralized and permissionless, not requiring account sign-up or personal information. All transactions on KyberSwap are on-chain, which means transactions do not need a centralized third-party, like a centralized exchange, and they can be easily verified using the Ethereum or other chains’ block explorer.

Projects can build with KyberSwap to access its different features, such as the instant settlement of token swaps, liquidity aggregation for the best rates, liquidity pools, and a customizable business model. Kyber looks to solve the liquidity issue in the decentralized finance (DeFi) industry by allowing developers to build products and services without having to worry about liquidity for different needs.

The Kyber Network Crystal (KNC) token is a utility and governance token that is the "glue that connects different stakeholders in Kyber's ecosystem." KNC holders can stake their tokens in the KyberDAO to help govern the platform and vote on important proposals - and earn staking rewards in KNC that come from trading fees. Investors in KNC include #Hashed, Signum Capital, ParaFi Capital, HyperChain Capital.

Kyber Network Crystal v2

Mina Protocol is a minimal “succinct blockchain” built to curtail computational requirements in order to run DApps more efficiently. Mina has been described as the world’s lightest blockchain since its size is designed to remain constant despite growth in usage. Furthermore, it remains balanced in terms of security and decentralization. The project was rebranded from Coda Protocol to Mina in October 2020.

To learn more about this project, check out our deep dive of Mina Protocol.

The Mina network has a size of only 22 KB, which is miniscule when compared to Bitcoin’s 300 GB blockchain.

Mina

Secret (SCRT) is a privacy-oriented blockchain built on Cosmos. Its smart contracts are called Secret Contracts and allow DApps to use private data on Secret, similar to how smart contracts operate on other blockchains. However, Secret Contracts transfer encrypted inputs into encrypted outputs without exposing data. This is made possible thanks to the encrypted contract states during the execution.

Data privacy is guaranteed by combining encryption protocols and key management within a Trusted Execution Environment (TEE). This allows Secret Contracts to compete for several privacy-related use cases that traditional blockchains have found difficult to accommodate. For instance, private voting mechanisms or credit scoring applications become possible since they do not expose sensitive user data on-chain with Secret.

Secret

Founded in Singapore in 2018, Alchemy Pay (ACH) is a payment solutions provider that seamlessly connects fiat and crypto economies for global consumers, merchants, developers, and institutions. It provides online and offline merchants with convenient acceptance of both fiat and crypto, enables easy onboarding to blockchain ecosystems, and makes web3 services highly accessible. Today, Alchemy Pay is supported in over 70 countries with 300 payment channels, has touchpoints with more than 2 million merchants through partnerships with industry leaders such as Binance, Shopify, NIUM, and QFPay. Alchemy Pay’s token ACH, is an ERC20 native to the Ethereum blockchain.

Alchemy Pay

Immutable positions itself as the first layer-two scaling solution for NFTs on Ethereum. According to Immutable, its blockchain does away with Ethereum’s limitations like low scalability, a poor user experience, illiquidity, and a slow developer experience. Instead, users benefit from instant trading and massive scalability while enjoying zero gas fees for minting and trading NFTs without compromising user or asset security.

Thanks to this technology, users will be able to create and distribute assets like ERC-20 and ERC-721 tokens on a massive scale. Chris Clay, the game Director of Gods Unchained, a project already building on Immutable, stated that Immutable allows Gods Unchained to implement a new meta-system that was previously impossible. In this fashion, Immutable aims to create a world-class experience for users and developers alike.

Immutable

Kadena is a proof-of-work blockchain that combines the PoW consensus mechanism from Bitcoin with directed acyclic graph (DAG) principles to offer a scalable version of Bitcoin. Kadena claims it can provide the security of Bitcoin while being able to offer unparalleled throughput that makes the blockchain usable to enterprises and entrepreneurs alike. Kadena's unique infrastructure is decentralized and built for mass adoption because of its multi-chain approach.

Kadena promises industrial scalability that can support global financial systems and can be scaled as necessary. It also vows to remain energy-efficient at scale and deliver more transactions with the same energy input, another difference to Bitcoin. Moreover, Kadena offers crypto gas stations, which allow businesses to pay for their customers' gas fees and remove a massive pain point in adopting blockchains for business.

Kadena has already scaled its network from 10 to 20 blockchains and can do so again in the future, if necessary. This final addition to Kadena was its private Kuro layer-two blockchain, which supports up to 8,000 transactions per second across 500 nodes.