## อะไรคือดัชนีคอมโพสิต Binance DEFI?

DEFI Composite Index เป็นเครื่องมือทางการเงินที่ใช้เป็นมาตรฐานในการวัดผลการดำเนินงานของการเลือกโทเค็นการเงินแบบกระจายอำนาจ (DEFI) ที่มีอยู่บนแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนสกุลเงินคริปโตรายใหญ่ ดัชนีนี้มีความสำคัญสำหรับนักลงทุนและเทรดเดอร์ที่สนใจในภาคส่วน DEFI เนื่องจากมันให้ภาพรวมของสุขภาพและผลการดำเนินงานของตลาดโดยการติดตามการเคลื่อนไหวของราคาของโทเค็นที่เป็นส่วนประกอบ

ดัชนีนี้ถูกสร้างขึ้นโดยใช้วิธีการที่เกี่ยวข้องกับค่าเฉลี่ยถ่วงน้ำหนัก ค่าของดัชนีสะท้อนถึงราคาแบบเรียลไทม์ของโทเค็น DEFI ที่ประกอบอยู่ในนั้น การถ่วงน้ำหนักนี้ช่วยให้แน่ใจว่าดัชนีสามารถแสดงถึงส่วนตลาดที่ต้องการวัดได้อย่างแม่นยำ ให้ผู้ใช้มีเครื่องมือที่เชื่อถือได้ในการติดตามแนวโน้มตลาด DEFI

ดัชนีนี้ถูกกำหนดค่าเป็น USDT ซึ่งเป็นสเถียรสกุลเงินที่ผูกไว้กับดอลลาร์สหรัฐ ทำให้ดัชนีเป็นจุดอ้างอิงที่มั่นคงสำหรับการประเมินค่า ปราศจากความผันผวนที่เกี่ยวข้องกับสกุลเงินคริปโตอื่นๆ คุณสมบัตินี้ทำให้เป็นเครื่องมือที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่ต้องการประเมินตลาด DEFI โดยไม่ต้องเพิ่มความซับซ้อนของสกุลเงินฐานที่ผันผวน

นอกจากนี้ DEFI Composite Index ยังมีให้เทรดในตลาดฟิวเจอร์ส ซึ่งเปิดโอกาสให้เก็งกำไรเกี่ยวกับมูลค่าในอนาคตของภาคส่วน DEFI โดยไม่ต้องถือสินทรัพย์พื้นฐาน ด้านนี้ของดัชนีเปิด

### Binance DEFI Composite Index มีการรักษาความปลอดภัยอย่างไร?

ความปลอดภัยของดัชนี Binance DEFI Composite ขึ้นอยู่กับวิธีการคำนวณและความแข็งแกร่งของแพลตฟอร์มที่ดำเนินการอยู่ ดัชนีนี้ติดตามผลการดำเนินงานของตลาดของการเลือกโทเค็นการเงินแบบกระจายอำนาจ (DEFI) ที่ระบุไว้ในการแลกเปลี่ยน โดยใช้ค่าเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักของราคาแบบเรียลไทม์สำหรับโทเค็นเหล่านี้ การเลือกใช้ดัชนีใน Tether (USDT) เพิ่มความมั่นคงในแง่ของการประเมินค่าเทียบกับ stablecoin

วิธีการคำนวณรับประกันว่าดัชนีสะท้อนสภาพตลาดปัจจุบันของโทเค็น DEFI ที่ประกอบด้วยอย่างแม่นยำ โดยการใช้ราคาแบบเรียลไทม์และปรับน้ำหนักของแต่ละโทเค็นตามผลการดำเนินงานของตลาด ดัชนีให้การแสดงผลที่เป็นไดนามิกและทันเวลาของส่วนตลาด DEFI ที่มุ่งเน้น

นอกจากนี้ โครงสร้างพื้นฐานของแพลตฟอร์มมีบทบาทสำคัญในความปลอดภัยของดัชนี การแลกเปลี่ยนนี้เป็นที่รู้จักสำหรับมาตรการความปลอดภัยที่เข้มงวด ซึ่งรวมถึงการเข้ารหัสล่าสุด โซลูชันการจัดเก็บสินทรัพย์ดิจิทัลที่ปลอดภัย และโครงสร้างระบบหลายชั้นและหลายกลุ่ม มาตรการเหล่านี้รับประกันว่าข้อมูลที่ใช้ในการคำนวณดัชนีเป็นข้อมูลที่ถูกต้องและดัชนีเองมีความต้านทานต่อการจัดการหรือข้อผิดพลาด

นักลงทุนควรทราบว่าในขณะที่ดัชนีเสนอการเข้าถึงตลาด DEFI ก็ยังรวมถึงความผันผวนที่เป็นพื้นฐานของโทเค็นส่วนประกอบ ความผันผวนนี้นำเสนอทั้งโอกาสและคว

### Binance DEFI Composite Index จะถูกใช้อย่างไร?

ดัชนี Binance DEFI Composite เป็นเครื่องมือทางการเงินที่ออกแบบมาเพื่อให้ภาพรวมที่ครอบคลุมของผลการดำเนินงานของตลาดของกลุ่มที่เลือกของโทเค็นโปรโตคอลการเงินแบบกระจายอำนาจ (DEFI) ที่ถูกลิสต์บนแพลตฟอร์ม ดัชนีนี้มีประโยชน์โดยเฉพาะสำหรับนักลงทุนและเทรดเดอร์ที่สนใจในภาคส่วน DEFI แต่อาจไม่มีทรัพยากรหรือความต้องการที่จะติดตามแต่ละโทเค็นโดยเฉพาะ โดยการรวมผลการดำเนินงานของโทเค็น DEFI หลายๆ ตัวเข้าด้วยกันเป็นดัชนีเดียว มันเสนอวิธีที่ง่ายและมีประสิทธิภาพในการประเมินสุขภาพโดยรวมและแนวโน้มของตลาด DEFI

ดัชนีนี้คำนวณโดยใช้ค่าเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักของราคาแบบเรียลไทม์ของโทเค็น DEFI ที่รวมอยู่ ทำให้แน่ใจว่าดัชนีสะท้อนถึงสภาพตลาดปัจจุบัน การใช้ค่าเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักหมายความว่าโทเค็นที่มีมูลค่าตลาดหรือปริมาณการซื้อขายที่สูงกว่าอาจมีผลกระทบมากขึ้นต่อผลการดำเนินงานของดัชนี ให้การแทนที่ตลาดที่แม่นยำยิ่งขึ้น ดัชนีนี้ถูกกำหนดค่าเป็น USDT ซึ่งเป็นสเตเบิลคอยน์ ช่วยให้มูลค่าของมันมีมาตรฐานและทำให้เข้าใจได้ง่ายสำหรับผู้ชมทั่วโลก

สำหรับนักลงทุน ดัชนี Binance DEFI Composite สามารถเป็นเครื่องมือที่มีค่าสำหรับการกระจายความเสี่ยง แทนที่จะลงทุนในโทเค็นแต่ละตัว ซึ่งอาจมีความเสี่ยงและต้องการการวิจัยอย่างละเอียด นักลงทุนสามารถใช้ดัชนีเป็นวิธีเ

### มีเหตุการณ์สำคัญอะไรบ้างสำหรับดัชนี Binance DEFI Composite?

ดัชนี Binance DEFI Composite Index ซึ่งเป็นตัวติดตามผลการดำเนินงานของตลาดที่สำคัญ ได้ประสบกับการพัฒนาที่น่าสังเกตมาตั้งแต่เริ่มต้น ดัชนีนี้ถูกออกแบบมาเพื่อติดตามผลการดำเนินงานของโทเค็นจากโปรโตคอลการเงินแบบกระจายอำนาจ (DEFI) ที่มีอยู่บนแพลตฟอร์มของมัน ซึ่งเป็นเครื่องมือสำคัญสำหรับนักลงทุนที่สนใจในภาคส่วน DeFi

หนึ่งในก้าวสำคัญสำหรับดัชนีคือการเปิดตัว DeFi Composite Index Futures ซึ่งเป็นการขยายผลิตภัณฑ์ทางการเงินอย่างมีนัยสำคัญ การพัฒนานี้ทำให้มีความยืดหยุ่นมากขึ้นและให้กลยุทธ์ใหม่ๆ สำหรับการป้องกันความเสี่ยง การคาดเดา และการเปิดเผยต่อตลาด DeFi โดยไม่จำเป็นต้องถือสินทรัพย์พื้นฐานโดยตรง

นอกจากนี้ การเปิดตัวสัญญาถาวร DEFI/USDT บนแพลตฟอร์ม Futures ก็เป็นเหตุการณ์สำคัญอีกเหตุการณ์หนึ่ง การเสนอนี้ทำให้ผู้ค้าสามารถคาดการณ์ค่าในอนาคตของดัชนีโดยใช้ USDT ซึ่งเพิ่มการเข้าถึงและความน่าสนใจของดัชนีต่อผู้ชมกลุ่มกว้างขึ้น

แม้จะมีความท้าทายที่ภาคส่วน DeFi ต้องเผชิญ รวมถึงการเปลี่ยนแปลงของมูลค่าตลาด ดัชนี Binance DEFI Composite Index ยังคงรักษาตำแหน่งของมันเป็นตัวชี้วัดชั้นนำของผลการดำเนินงานของตลาด DeFi วิธีการของมันที่ใช้ค่าเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักของราคาแบบเรียลไทม์ของโทเค็น DEFI ที่ระบุไว้บนแพลตฟอร์มของมัน ช่วยให้แน่ใจว่าดัชนีสะท้อนถึงพลวัตของตลาดอย่างแ

### มีเหรียญ Binance DEFI Composite Index DEFI จำนวนเท่าไรที่อยู่ในการหมุนเวียน?

คำถามเกี่ยวกับจำนวนเหรียญในดัชนี Binance DEFI Composite Index ที่อยู่ในการหมุนเวียนไม่สามารถตอบได้โดยตรงด้วยตัวเลขที่เฉพาะเจาะจง เนื่องจากลักษณะของดัชนีเอง ดัชนี Binance DEFI Composite Index ไม่ใช่เหรียญ แต่เป็นเครื่องมือทางการเงินที่ติดตามผลการดำเนินงานของตลาดของการเลือกโทเค็นโปรโตคอลการเงินแบบกระจายอำนาจ (DEFI) ที่ระบุไว้ใน Binance ดัชนีนี้คำนวณตามมูลค่าตลาดที่ถ่วงน้ำหนักของโทเค็นเหล่านี้ ซึ่งรวมถึงอุปทานที่หมุนเวียน

เนื่องจากดัชนีประกอบด้วยโทเค็น DEFI หลายตัว แต่ละตัวมีอุปทานที่หมุนเวียนของตัวเอง คำถามอาจถูกตีความผิดพลาด ค่าและผลการดำเนินงานของดัชนีสะท้อนถึงการเคลื่อนไหวของตลาดรวมของโทเค็น DEFI ที่รวมอยู่ ไม่ใช่การแทนที่ด้วยเหรียญเดี่ยวที่มีอุปทานที่หมุนเวียนเฉพาะ

นักลงทุนที่สนใจในพื้นที่ DEFI อาจพิจารณาดัชนีนี้เป็นวิธีหนึ่งในการประเมินผลการดำเนินงานของตลาดโดยรวมโดยไม่ต้องลงทุนในโทเค็นแต่ละตัว อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญคือต้องทำการวิจัยอย่างละเอียดและเข้าใจส่วนประกอบและวิธีการที่อยู่เบื้องหลังดัชนีก่อนที่จะพิจารณาการลงทุนใด ๆ ตลาด DEFI มีชื่อเสียงในเรื่องความผันผวนและนวัตกรรม ทำให้จำเป็นต้องติดตามข้อมูลล่าสุดและความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับการเงินแบบกระจายอำนาจอย่างต่อเนื่อง



Index tracks and measures the performance of a basket of assets in a standardized way. There are two types of indices: single underlying price indices and composite price indices. The single underlying price indices mainly focus on tracking some specific underlying instrument price with the same underlying across different markets; while the composite price indices are combinations of different underlying instruments intended to measure the overall market (or subset) performance over time, the indices price usually calculated as weighted average price of the components.

The first index launched by Binance Futures is DEFI Composite Index. It tracks the market performance of a basket decentralized finance (DEFI) protocol tokens listed on Binance. It is calculated by using weighted averages of real time prices of the DEFI tokens on Binance and is denominated in USDT.

Binance DEFI Composite Index

Social Send

BinaryX ($BNX) is the platform cryptocurrency for the BinaryX ecosystem, which includes the DAO and all products & games utilizing $BNX.
BinaryX began as a decentralized derivative trading system. Recognizing the burgeoning popularity of GameFi and interest in the metaverse games, the team gradually evolved into developing decentralized video games and is now fully transitioning to be a GameFi platform offering IGO services to bridge Web2 developers to Web3.

Some of the services provided by BinaryX  includes infrastructural support, a DAO governance system, and community building to scale promising gamefi projects and bring more innovation to the blockchain gaming sector.

BinaryX

ssv.network

Flamingo is a decentralized finance (DeFi) platform based on the Neo blockchain and the Poly Network interoperability protocol. It combines several DeFi applications into a single ecosystem: a cross-blockchain asset gateway (wrapper), an on-blockchain liquidity pool (swap), a blockchain asset vault, a perpetual contract trading platform (perp) and a decentralized governance organization (DAO).

Different components of the Flamingo network are planned to be launched in several phases:

Token wrapper for Bitcoin, Ethereum, USDT, Neo, Ontology and others: September 23, 2020

Swap and LP token staking: September 30, 2020

Phase 3 vault launch and stablecoin issuance: October 28, 2020

Perp launch: November 25, 2020

DAO launch: December 23, 2020

Flamingo

Constitution DAO was an experiment that has now been dissolved. In November 2021, a group web3-enthusiasts gathered as a decentralized autonomous organization with the shared objective of buying a copy of the U.S. Constitution at a Sotheby’s Auction. There are only 13 original physical copies of the U.S Constitution in existence, which meant that this auction sparked a competitive bidding battle. Even though the group managed to raise well over $40 million in ETH, it ultimately fell short and was outbid by Ken Griffin, a billionaire hedge fund manager and CEO of Citadel.

Constitution DAO announced that it would disband after its unsuccessful grassroots attempt to buy one of the most valuable and iconic documents in U.S. history. All donations are being refunded.

ConstitutionDAO

Unifi Protocol DAO

ARPA

Pascal

Bella Protocol is a platform that provides a suite of DeFi products designed to make crypto banking simpler and more accessible. The protocol aims to create a better user experience by eliminating the high fee and slow transaction issues that can affect some blockchain platforms — while simultaneously improving the user experience through its simplified DeFi smart portal.

Bella's smart pool feature allows users to access the best yields available in the DeFi market, while benefiting from nearly zero gas fees — since these are directly subsidized by the platform.

The project launched in September 2020 as the first project distributed via Binance’s Launchpool platform, and has secured investments from several prominent firms, including Arrington XRP Capital and Ledger Capital.

The protocol was built by the ARPA team, a blockchain-based layer 2 solution for privacy-preserving computation. The BEL token is an essential component of the Bella Protocol ecosystem and serves as both a reward token that allows holders to participate in the governance of the platform.

BEL can be used to farm fee rewards from the network, get exclusive discounts on Bella protocol products (such as its robo-advisor tool), and for earning staking rewards.

Bella Protocol

The Threshold network provides and maintains a suite of cryptographic primitives for several dApps. The network is the product of the protocol merger between the Keep Network and NuCypher, which was finalized on January 1, 2022 with the launch of the T token.

Threshold

Adventure Gold (AGLD) is the native ERC-20 token of the Loot non-fungible token (NFT) project. Loot is a text-based, randomized adventure gear generated and stored on-chain, created by social media network Vine co-founder Dom Hofmann. The project intentionally has no front-end interface, images, statistics or functionality. Instead, it is based on a set of 8,000 text-based NFTs open to how the community wants to interpret it. The NFTs contain texts of gears ranging from the “Holy Greaves of Giants” to the “Grim Shout.” As of Sept. 8, 2021, the floor price of Loot on OpenSea is 8.56 ETH. Numerous derivative projects are being built around Loot and can be found here.

Adventure Gold was launched on Sept. 2, 2021, and allowed each owner of a Loot NFT to claim 10,000 tokens for free. With the price of AGLD skyrocketing in the initial days of trading, this airdrop was worth as much as $70,000 per NFT. AGLD founder Will Papper claimed he wanted to set a standard for projects building on Loot by providing a currency for the decentralized gaming universe.

Adventure Gold

The Frax Protocol is the first fractional-algorithmic stablecoin system. Frax is open-source, permissionless, and entirely on-chain – currently implemented on Ethereum (with possible cross chain implementations in the future). The end goal of the Frax protocol is to provide a highly scalable, decentralized, algorithmic money in place of fixed-supply digital assets like BTC. The protocol incorporates the following concepts:

Fractional-Algorithmic – Frax is a unique stablecoin with parts of its supply backed by collateral and parts of the supply algorithmic. The ratio of collateralized and algorithmic depends on the market's pricing of the FRAX stablecoin. If FRAX is trading at above $1, the protocol decreases the collateral ratio. If FRAX is trading at under $1, the protocol increases the collateral ratio.

Decentralized & Governance-minimized – Community governed and emphasizing a highly autonomous, algorithmic approach with no active management.

Fully on-chain oracles – Frax v1 uses Uniswap (ETH, USDT, USDC time-weighted average prices) and Chainlink (USD price) oracles.

Two Tokens – FRAX is the stablecoin targeting a tight band around $1/coin. Frax Shares (FXS) is the governance token which accrues fees, seigniorage revenue, and excess collateral value.

Before Frax, stablecoins were divided into three different categories: fiat collateralized, overcollateralized with cryptocurrency, and algorithmic with no collateral. Frax is the first kind of decentralized stablecoin to classify itself as fractional-algorithmic ushering in the 4th and most unique category.

Frax Share

Golden Token

Rootstock Infrastructure Framework

Bitcoin Gold was founded in 2017 to become a user-friendly alternative to Bitcoin. The BTG network aims to combine the security and sturdiness of the Bitcoin blockchain and its characteristics with the opportunity for experimentation and development.

BTG enhances and extends the crypto space with a blockchain closely compatible with Bitcoin but without using resources like Bitcoin hash power or vying for the "real Bitcoin" title. The company aims to present a coin with the implementation capabilities of Bitcoin, however, expanding on the opportunities for DeFi and DApp developers to use the coin.

Bitcoin Gold

Venus is an algorithmic money market and synthetic stablecoin protocol launched exclusively on Binance Smart Chain (BSC).

The protocol introduces a simple-to-use crypto asset lending and borrowing solution to the decentralized finance (DeFi) ecosystem, enabling users to directly borrow against collateral at high speed while losing less to transaction fees. In addition, Venus allows users to mint VAI stablecoins on-demand within seconds by posting at least 200% collateral to the Venus smart contract.

VAI tokens are synthetic BEP-20 token assets that are pegged to the value of one U.S. dollar (USD), whereas XVS tokens are also BEP-20-based, but are instead used for governance of the Venus protocol, and can be used to vote on adjustments—including adding new collateral types, changing parameters and organizing product improvements.

The governance of the protocol is entirely controlled by XVS community members, since the Venus founders, team members and other advisors do have any XVS token allocations.

Venus

Radworks

Origin Protocol is one of Ethereum’s longest-standing DeFi projects, featuring a multichain feature set that unlocks vast opportunities for yield generation across the space. Origin’s products are built to be permissionless and composable, allowing for deep integration with novel primitives. All of Origin’s products streamline rewards to OGN stakers, cultivating a sustainable, user-first offering.

At its core proposition, Origin features:

Capital efficiency: Origin’s liquid staking products, Origin Ether and Origin Dollar, empower users to earn yield while retaining full capital control. The protocol’s unique Automated Redemption Manager (ARM) serves as a key liquidity hub for LST redemptions.

Vast composability: OETH’s robust peg and interoperability makes it an ideal building block for innovative DeFi strategies.

Broad access: Origin’s diverse integrations with partners such as EigenLayer and Pendle Finance, cater to power users and new entrants alike. Origin is built on core principles of seamless usability, cultivating one of the smoothest user experiences in the space.

Some of Origin Protocol’s key elements include:

Origin Ether (OETH): OETH is a leading liquid staking token that harnesses battle-tested mechanics to maintain a strong peg and vast composability for users. Users can mint OETH by depositing reserves of ETH. This ETH is staked to the Beacon Chain, with staking rewards distributed to users. OETH boasts broad DeFi integrations on ETH and leading Layer-2 networks.

Origin Dollar (OUSD): OUSD is a yield bearing stablecoin fully collateralized by reserves of USDT, USDC, and DAI. Users can deposit these stablecoins to mint OUSD, which generates yield. OUSD’s rebasing model automatically distributes rewards to holders’ wallets, removing the need for lockups and claiming rewards.

Automated Redemption Manager (ARM): The ARM is a groundbreaking platform that bolsters liquidity for redeemable assets, such as LSTs and LRTs. Users can take advantage of rapid redemptions for seamless swaps between leading LSTs and ETH with zero slippage.

Some of its key highlights include:

Versatile Utility: Origin’s product suite is deeply integrated across DeFi, allowing users to harness innovative instruments and opportunities. Origin Ether, for instance, is deeply integrated with the likes of Pendle and EigenLayer. Users can also take advantage of wOETH on leading L2 networks to explore more platforms and yield generating positions.

Transparent, best-in-class security: Both OUSD and OETH boast battle-tested, open-source codebases. Origin’s products have been rigorously audited by leading firms, including OpenZeppelin. Origin’s yield-generating products deliver yields without compromising on security, and feature rich analytics dashboards for users to monitor treasury flows and allocations.

Protocol Governance: Users can stake OGN for up to a year in exchange for non-transferable xOGN. xOGN accrues yield from a share of protocol fees earned by Origin’s products. xOGN holders can submit proposals, vote on active submissions, and vote on treasury allocations. This symbiotic structure creates a sustainable, rewarding governance system that upholds the core principles of decentralization.

World class team and investors: The project is led by serial entrepreneurs Matthew Liu and Josh Fraser, and seasoned team members from leading tech firms including PayPal, YouTube, Google, DropBox, etc. Origin has received backing from top investors such as Pantera Capital and Foundation Capital, as well as from individuals like Steve Chen, the founder of YouTube, and Alexis Ohanian, co-founder of Reddit.