คลังคำศัพท์

Segregated Witness (SegWit)

Hard

Bitcoin Improvement Proposal (BIP) ที่มีเป้าหมายเพื่อแก้ไขการทำธุรกรรมที่อ่อนแอสำหรับบิทคอยน์

Segregated Witness (SegWit) คืออะไร

Segwit เป็นการอัปเกรดแบบ ซอฟต์ฟอร์กสำหรับเครือข่าย บิทคอยน์ ซึ่งหมายถึงการลดปัญหาของความสามารถในการขยายขนาดโดยการเพิ่มขีดจำกัดขนาดบล็อกบน บล็อคเชน นั่นเอง SegWit ทำงานโดยลบข้อมูลลายเซ็นและลดขนาดของ ธุรกรรม ทำให้สามารถรวมธุรกรรมได้จำนวนมากขึ้นในบล็อกเดียวกัน

SegWit เปิดใช้งานในเดือนสิงหาคม 2560 หลังจากที่ Peter Wiulle ผู้พัฒนาบิทคอยน์ได้นำเสนอในระหว่างการประชุม Scaling Bitcoin ในปี 2558 ความหมายตามตัวอักษรคือ "การแยกลายเซ็นของธุรกรรม" และการอัปเดตที่นำไปใช้ได้สร้างแนวคิดของ UASF ซึ่งหมายถึงซอฟต์ฟอร์กที่เปิดใช้งานโดยผู้ใช้

เหตุผลในการนำ SegWit ไปใช้นั้นก็ตรงไปตรงมา บล็อคเชนของบิทคอยน์นั้นทำงานช้ามากตามมาตรฐานสมัยใหม่ โดยประมวลผลเพียง 7 ธุรกรรมต่อวินาที (TPS) เมื่อราคาของบิทคอยน์พุ่งสูงขึ้น กิจกรรมของการทำธุรกรรมบน เครือข่าย จะเพิ่มขึ้น ทำให้เกิดความแออัดของเครือข่าย ค่าธรรมเนียมที่สูงขึ้น และระยะเวลาการ ยืนยัน การประมวลผลที่ยาวนานมากขึ้น

เพื่อเพิ่มความเร็วในการยืนยันการทำธุรกรรม SegWit จึงแก้ไขกลไกให้ไม่ใช้ลายเซ็น ซึ่งคิดเป็น 60% ของการทำธุรกรรม

เนื่องจาก ธุรกรรมของบิทคอยน์ มีทั้งอินพุตและเอาต์พุต ในขณะที่อินพุตคือแอดเดรสของผู้ส่งและเอาต์พุตคือแอดเดรสของผู้รับ ลายเซ็นดิจิทัล จึงถูกรวมเอาไว้เพื่อการตรวจสอบความสามารถในการจัดการของบัญชี SegWit ลบลายเซ็นออกจากอินพุตและย้ายไปยังจุดสิ้นสุดของธุรกรรม

นอกจากนี้มันยังมีการแก้ไขด้านความปลอดภัยเนื่องจากสามารถแก้ไขไอดีของธุรกรรมที่ทำการป้อนข้อมูลเพื่อรับบิทคอยน์จากผู้ส่งด้วยการโกง เนื่องจากลายเซ็นจะถูกย้ายไปยังส่วนท้ายของธุรกรรมเป็นหลัก จึงไม่สามารถแก้ไขข้อมูลประจำตัวของธุรกรรมได้

ข้อเสนอ SegWit เพิ่มเติมที่เรียกว่า SegWit2x นอกจากจะเปลี่ยนแบทช์ชิ่งของธุรกรรม มันยังเพิ่มขนาดบล็อกของบิทคอยน์จาก 1MB เป็น 2MB อีกด้วย อย่างไรก็ตาม เนื่องจาก SegWit2x กำหนดให้ต้องมีฮาร์ดฟอร์กและตัวมันเองก็เป็นการเปลี่ยนแปลงขั้นพื้นฐานของโปรโตคอลของบิทคอยน์ ชุมชนนักพัฒนาจึงไม่สามารถบรรลุข้อตกลงร่วมกันได้ และท้ายที่สุดข้อเสนอก็ถูกยกเลิกไป