สรุปย่อ
Celestia (TIA) คือเครือข่ายบล็อกเชนแบบโมดูลาร์ที่ออกแบบมาเพื่อทำให้การสร้างบล็อกเชนง่ายขึ้น โดยเน้นที่การจัดการข้อมูลและการยืนยันความถูกต้องของข้อมูล ช่วยให้การพัฒนาบล็อกเชนสามารถขยายตัวและปรับแต่งได้ตามต้องการ
- สถาปัตยกรรมแบบโมดูลาร์ – แยกส่วนการประมวลผลธุรกรรมออกจากการยืนยันความถูกต้อง ทำให้นักพัฒนาสามารถสร้างบล็อกเชนเฉพาะทางได้โดยไม่ติดข้อจำกัดแบบรวมศูนย์
- ชั้นการจัดการข้อมูล (Data Availability Layer) – ให้บริการจัดเก็บข้อมูลอย่างปลอดภัยสำหรับ rollups และโซลูชัน Layer 2 โดยใช้เทคนิคการสุ่มตรวจสอบข้อมูลแบบเข้ารหัส
- ประโยชน์ของโทเค็น TIA – ใช้สำหรับค่าธรรมเนียมในเครือข่าย การวางเดิมพัน (staking) และการบริหารจัดการ พร้อมระบบโทเค็นที่ลดอัตราเงินเฟ้ออย่างต่อเนื่อง
รายละเอียดเพิ่มเติม
1. สถาปัตยกรรมแบบโมดูลาร์
Celestia ปรับเปลี่ยนรูปแบบบล็อกเชนโดยแยกการประมวลผลธุรกรรม (execution) ออกจากการยืนยันความถูกต้องและการจัดเก็บข้อมูล ต่างจากบล็อกเชนแบบดั้งเดิมอย่าง Ethereum ที่ทำหน้าที่ทุกอย่างในระบบเดียว Celestia มุ่งเน้นที่การตรวจสอบและเก็บข้อมูลธุรกรรมเท่านั้น วิธีนี้ช่วยให้นักพัฒนาสามารถสร้างบล็อกเชนเฉพาะทาง (rollups) ที่ส่งงานการยืนยันและจัดเก็บข้อมูลให้ Celestia ดูแล ลดภาระและเพิ่มความยืดหยุ่นในการพัฒนา
2. ชั้นการจัดการข้อมูล (Data Availability Layer)
Celestia ทำหน้าที่เป็นชั้นจัดการข้อมูล (Data Availability Layer) ที่รับประกันว่าข้อมูลจะพร้อมใช้งานสำหรับการตรวจสอบ โดยไม่จำเป็นต้องให้ทุกโหนดประมวลผลธุรกรรมทั้งหมด Celestia ใช้วิธีการที่เรียกว่า data availability sampling (DAS) ซึ่งเป็นการสุ่มตรวจสอบข้อมูลเป็นส่วนเล็ก ๆ แบบสุ่ม ทำให้โหนดสามารถยืนยันได้ว่าข้อมูลครบถ้วนและถูกต้อง วิธีนี้ช่วยให้ระบบขยายตัวได้ดีขึ้น เพราะยิ่งมีผู้ใช้มาก การสุ่มตรวจสอบก็ยิ่งมีประสิทธิภาพสูงขึ้น และยังสนับสนุนการทำงานร่วมกันอย่างปลอดภัยสำหรับ rollups
3. ระบบโทเค็น TIA และการบริหารจัดการ
- ค่าธรรมเนียม Blobspace: rollups จ่ายค่าจัดเก็บข้อมูลด้วยโทเค็น TIA คล้ายกับระบบ gas ของ Ethereum แต่สำหรับการจัดการข้อมูล
- การวางเดิมพัน (Staking): ผู้ตรวจสอบเครือข่าย (validators) ใช้โทเค็น TIA ในการวางเดิมพันเพื่อรักษาความปลอดภัยของเครือข่าย และได้รับรางวัลตอบแทน
- การบริหารจัดการ (Governance): ผู้ถือโทเค็น TIA มีสิทธิ์ลงคะแนนเสียงในการกำหนดพารามิเตอร์ของเครือข่าย เช่น ขนาดบล็อก และการจัดการกองทุนชุมชน
จำนวนโทเค็นเริ่มต้นมีอัตราเงินเฟ้อ 8% และลดลงเรื่อย ๆ จนเหลือประมาณ 1.5% ต่อปี เพื่อกระตุ้นให้ผู้ถือโทเค็นวางเดิมพันระยะยาวและช่วยควบคุมปริมาณโทเค็นในระบบ
สรุป
การออกแบบแบบโมดูลาร์ของ Celestia ทำให้เป็นโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญสำหรับอนาคตของระบบบล็อกเชนหลายสาย (multi-chain) โดยเน้นที่การขยายตัวและเสรีภาพในการพัฒนาของนักพัฒนา แม้ว่าการนำไปใช้จริงจะขึ้นอยู่กับการเติบโตของบล็อกเชนแบบโมดูลาร์โดยรวม แต่เทคโนโลยีและระบบโทเค็นของ Celestia สร้างคุณค่าเฉพาะตัวได้อย่างชัดเจน คำถามสำคัญ คือ Celestia จะสามารถกลายเป็นชั้นข้อมูลหลักสำหรับ rollups ได้หรือไม่ เมื่อระบบนิเวศเติบโตขึ้น?